กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--ตลท.
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติแนวทางดำเนินการกับบริษัทจดทะเบียนที่ไม่สามารถแก้ไขงบการเงินได้ตามที่ ก.ล.ต.กำหนด โดยให้ถือเป็นเหตุเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนได้มีข้อมูลเพื่อใช้ในการพิจารณาประกอบการลงทุน เผยปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ส่งงบการเงินถูกต้องและตรงตามกำหนด มีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ที่ถูก ก.ล.ต.สั่งแก้ไข
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 25 เมษายน 2550 มีมติอนุมัติแนวทางดำเนินการกับบริษัทจดทะเบียนที่ถูกก.ล.ต.สั่งแก้ไขงบการเงิน หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขงบการเงินได้ตามระยะเวลาที่ก.ล.ต.กำหนด รวมถึงเวลาที่ก.ล.ต.ผ่อนผันให้ดำเนินการด้วย โดยจะให้เวลาบริษัทดำเนินการอีก 30 วัน เพื่อให้มีระยะเวลาในการแก้ไข ก่อนเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
หากบริษัทจดทะเบียนใดไม่สามารถดำเนินการได้ภายในกำหนดดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน โดยขึ้นเครื่องหมาย NC (Non-Compliance) และ SP (Suspension) เพื่อหยุดการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท โดยหากบริษัทยังไม่สามารถนำส่งงบการเงินได้อีกภายใน 180 วัน นับจากวันประกาศเข้าข่ายอาจเพิกถอน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศเพิกถอนบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว โดยอาจพิจารณาอนุญาตให้หลักทรัพย์ของบริษัทซื้อขายได้เป็นเวลา 30 วันก่อนเพิกถอน
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนจะพ้นเหตุเพิกถอนได้เมื่อบริษัทต้องนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขตามที่ก.ล.ต.สั่งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และนำส่งงบการเงินภายในเวลาที่กำหนด 2 งวดติดต่อกัน และต้องเป็นงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้องตามหลักการบัญชีรับรองทั่วไป และไม่ใช่ลักษณะที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น เนื่องจากถูกจำกัดขอบเขตการตรวจสอบ โดยบริษัทหรือผู้บริหาร ซึ่งแนวทางนี้จะใช้เป็นแนวทางเดียวกับกรณีที่บริษัทจดทะเบียนใช้เพื่อพ้นเหตุแห่งการถูกเพิกถอนกรณีส่งงบการเงินล่าช้าเกินกว่า 180 วัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อผู้ปฏิบัติ
“ปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนเกือบทั้งหมดสามารถนำส่งงบการเงินได้ตามกำหนดเวลาและไม่ต้องมีการแก้ไขงบการเงิน โดยในปี 2549 มีบริษัทจดทะเบียนเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่ต้องแก้ไขงบการเงิน และเนื่องจากงบการเงินเป็นสารสนเทศสำคัญและจำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุน การส่งงบการเงินล่าช้าหรือไม่ถูกต้องของบริษัทจดทะเบียน อาจเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งว่าบริษัทอาจมีประเด็นเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการบริหารงานภายใน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ลงทุน การกำหนดแนวทางสำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ถูกก.ล.ต. สั่งแก้ไขงบการเงินจะส่งผลให้บริษัทเร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้เข้าเกณฑ์อาจถูกเพิกถอนและเร่งเปิดเผยข้อมูลที่มีสาระสำคัญตามมาตรฐานบัญชีได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนและพิทักษ์สิทธิของผู้ถือหุ้นโดยตรง” นายสุทธิชัยกล่าว
สำหรับแนวทางการดำเนินการนี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2550 เป็นต้นไป
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร.0-2229—2036 / ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงศ์ โทร.0-2229—2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร.0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร.0-2229-2797