กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ (AIS073A, AIS07OA, AIS093A, AIS093B, AIS099A, AIS119A, AIS139A) ของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะของบริษัทในการเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยที่มีฐานลูกค้ากว้างขวางและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและเป็นมืออาชีพ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่องระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 3 ราย รวมถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และความไม่แน่นอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโทรคมนาคม
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลประกอบการที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้และจะยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังต่อไป โดยคาดว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางกฎหมายด้านโทรคมนาคมใดใดจะไม่ส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบในการแข่งขันและผลประกอบการของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ในช่วงปี 2542-2547 จำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทยโดยรวมขยายตัวอย่างรวดเร็วที่อัตราเฉลี่ย 60% ต่อปี และชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 12% ในปี 2548 เนื่องจากอัตราการใช้ต่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 49% ของจำนวนประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในปี 2549 ซึ่งรวมถึงการแจกซิมการ์ดโดยไม่คิดมูลค่าและกลยุทธ์ทางการตลาดแบบตัดราคาได้กระตุ้นให้ยอดผู้ใช้บริการขยายตัวยิ่งขึ้นเกือบถึงระดับ 30% โดยยอดผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นนั้นมีจำนวนเกือบ 2 เท่าของในปี 2548 ณ สิ้นปี 2549 อัตราการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับ 60% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ผู้ใช้ส่วนหนึ่งมีซิมการ์ดมากกว่า 1 ชุดและการขยายโครงข่ายเพื่อสร้างตลาดสำหรับผู้ใช้บริการรายใหม่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นสำคัญ โดยคาดว่าจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไปแม้ว่าจะไม่สูงเท่าในปี 2549 โดยอัตราการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อจำนวนประชากรน่าจะเพิ่มถึงระดับ 70% ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ยังคงดำรงความเป็นผู้นำในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 50% โดย ณ เดือนกันยายน 2549 บริษัทมียอดผู้ใช้บริการ 17.7 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2548 ด้วยประสบการณ์และความสามารถของผู้บริหาร ตลอดจนการมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอทำให้บริษัทสามารถให้บริการที่มีคุณภาพในระดับสูงแก่ลูกค้าด้วยการลงทุนขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และระบบจัดการภายใน บริษัทจะยังคงได้รับประโยชน์จากชื่อเสียง เครือข่ายที่ครอบคลุมและมีคุณภาพสูง รวมทั้งระบบการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และด้วยความเป็นผู้นำตลาด รวมทั้งการมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่พร้อมสำหรับการลงทุนใหม่ๆ จึงคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจต่อไปได้ นอกจากนี้ ผู้บริหารของบริษัทยังได้พิสูจน์ให้เห็นความสามารถในการแก้ปัญหาทั้งในเรื่องของการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปและการพัฒนาทางเทคโนโลยี โดยบริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว และเนื่องจากอัตราการขยายตัวของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยใกล้ถึงจุดอิ่มตัว บริษัทจึงมีการวางแผนเพื่อเพิ่มรายได้และกำไรโดยจะขยายสัดส่วนรายได้จากบริการเสริมแบบข้อมูล (Non-voice Services) ให้มากขึ้น
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจากการมีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่เข้มแข็ง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 31.1% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 การได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) และความสำเร็จจากกลยุทธ์การควบคุมค่าใช้จ่ายทำให้บริษัทสามารถคงอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 45% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าภาวะการแข่งขันที่รุนแรงจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดของบริษัท แต่ทริสเรทติ้งเห็นว่าฐานะทางการเงินที่ดีจะช่วยรองรับแผนการลงทุนโครงข่ายและการจ่ายเงินปันผลของบริษัทได้อย่างเพียงพอ