กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--ก.พลังงาน
ก.พลังงาน เดินหน้าพลังงานทดแทน เปลี่ยนน้ำมันดีเซลทุกปั๊มให้ผสมไบโอดีเซล (B100) อย่างน้อย 2% ภายใน 1 เม.ย.2551 เชื่อมั่นจะทำให้ยอดการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้นยังได้เห็นร่างชอบระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และเห็นชอบแนวทางกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าจาก SPP ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า การประชุม กบง. วันที่ 2 เมษายน 2550 มีมติเห็นชอบให้ออกประกาศกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติโดยให้สามารถผสมไบโอดีเซล (บี 100) ไม่เกิน 2% โดยให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด และจะบังคับให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติเป็นดีเซลหมุนเร็ว บี 2 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2551 เป็นต้นไป เนื่องจากพบว่าการผสมในอัตราส่วนดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ แต่ยังมีคุณสมบัติช่วยในการหล่อลื่นทดแทนสารเติมแต่งที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงจะทำให้มีการใช้ไบโอดีเซลบี 100 เพิ่มจากปัจจุบัน 42,000 ลิตรต่อวัน เป็น 1 ล้านลิตรต่อวัน
อย่างไรก็ตามในส่วนของไบโอดีเซลบี 5 ยังคงให้มีการจำหน่ายเช่นเดิม และกำหนดให้มีราคาถูกกว่าเบนซินปกติ 70 สตางค์ต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ไบโอดีเซลมากขึ้น พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานเร่งดำเนินการตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันไบโอดีเซลบี 5 ให้เป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์และประชาชน โดยหากผลตรวจสอบเป็นที่ยอมรับก็ให้ออกประกาศปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้สามารถผสมไบโอดีเซลได้สูงกว่า 2% ต่อไป
การประชุม กบง. ในวันนี้ ยังได้เห็นชอบร่างระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และแนวทางการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีปริมาณ พลังไฟฟ้า เสนอขายมากกว่า 10 เมกะวัตต์ โดยกำหนดส่วนเพิ่ม (Adder) ราคารับซื้อไฟฟ้า และปริมาณพลังไฟฟ้ารับซื้อในอัตราคงที่ เป็นระยะเวลา 7 ปี จากเชื้อเพลิงจากขยะ พลังงานลม จะได้ส่วนเพิ่มไม่เกิน 2.50 บาทต่อหน่วย และแสงอาทิตย์ ได้รับส่วนเพิ่มไม่เกิน 8 บาทต่อหน่วย สำหรับ SPP พลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ให้มีการเปิดประมูลแข่งขันโดยกำหนดอัตราสูงสุดของส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย
โดยกระทรวงพลังงานได้ตั้งเป้าหมายรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP ที่ใช้ระบบผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน (Cogeneration) จำนวน 500 เมกะวัตต์ และ SPP ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน จำนวน 530 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น ผู้ผลิตไฟฟ้าจากขยะ จำนวน 100 เมกะวัตต์ พลังงานลม จำนวน 115 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 15 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่น ๆ เช่น แกลบ เศษไม้ ขยะ พลังน้ำ กำหนดปริมาณพลังไฟฟ้าที่คาดว่าจะรับซื้อรวม 300 เมกะวัตต์
ปัจจุบัน ณ เดือนธันวาคม 2549 มี SPP ที่ได้รับการตอบรับซื้อไฟฟ้าแล้ว 119 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายจำนวน 2,821.1 เมกะวัตต์ ขายไฟฟ้าเข้าระบบจำนวน 82 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 2,383.6 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการพลังงานพลังงานหมุนเวียน 52 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอายรวม 479.9 เมกะวัตต์ พลังงานเชิงพาณิชย์ 26 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าขายรวม 1,670 เมกะวัตต์ และพลังงานผสม (พลังงานหมุนเวียนกับพลังงานเชิงพาณิชย์) 4 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายเข้าระบบ 233 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ความคืบหน้าการเปิดรับซื้อไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ภายหลังการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายทั้งสองแห่งได้ออกประกาศให้ส่วนเพิ่ม (Adder) ราคารับซื้อไฟฟ้าเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ เดือนมีนาคม 2550 มีโครงการยื่นแบบคำขอจำหน่ายไฟฟ้าและการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้า 35 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 187 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการ SPP เดิม และ VSPP ที่ไม่เกิน 1 เมกะวัตต์ จำนวน 15 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 96.40 เมกะวัตต์ และเป็นโครงการ VSPP ใหม่ จำนวน 20 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขาย 90.20 เมกะวัตต์
“กระทรวงพลังงาน มุ่งหวังว่าภายหลังการให้ส่วนเพิ่มรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือ Adder จะจูงใจให้มีผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมุนเวียนหันมาผลิตไฟฟ้าและขายไฟฟ้าเข้าระบบมากขึ้น เพราะในหลายพื้นที่ของประเทศยังมีศักยภาพอีกจำนวนมาก จะช่วยเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้า และทำให้สามารถชะลอการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ และการขยายระบบส่ง ระบบจำหน่ายได้” นายปิยสวัสดิ์ กล่าว