กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--ยูเนี่ยนโฟรเซนโปรดักส์
ยูเนี่ยนโฟรเซนโปรดักส์ ฉลองใหญ่ 30 ปี ภูมิใจในความเป็นบริษัทคนไทยสามารถสร้าง แบรนด์ระดับเวิลด์คลาสแข่งขันการค้าในตลาดโลกได้ ประกาศก้าวสู่ผู้นำธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งระดับโลกต่อเนื่องด้วยการขยายตลาดครอบคลุมทั่วโลก วางยุทธศาสตร์ 5 ปีสู่เป้ารายได้ 15,000 ล้านบาท ด้วยจุดแข็งรอบตัว พร้อมปักหมุดเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 - 5 ปีข้างหน้า
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูเนี่ยนโฟรเซนโปรดักส์ จำกัด (ยูเอฟพี) หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในโอกาสครบรอบ 30 ปี ว่า บริษัทฯ มีแผนพัฒนายอดขายส่งออกไปต่างประเทศทั่วโลกจากปัจจุบันมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท ให้ได้ตามเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า เป็น 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของบริษัทฯ ซึ่งมีจุดได้เปรียบคู่แข่งอื่น ๆ เพราะยูเอฟพีเป็นผู้ประกอบการผลิตสินค้าอาหารทะเลแช่แข็งที่ครบวงจรที่สุดของประเทศ มีจุดแข็งและความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการตลาดในประเทศและต่างประเทศ และการผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีคุณภาพ สามารถพัฒนาสินค้าตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการส่งมอบที่ตรงต่อเวลา
“ที่สำคัญ ยูเอฟพี มีฐานการตลาดที่เข้มแข็งในต่างประเทศ เรามีคู่ค้าที่เป็นผู้นำเข้ายักษ์ใหญ่และอยู่ในอันดับต้น ๆ ในแต่ละประเทศที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเรามาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 15-20 ปี โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา และตลาดญี่ปุ่น ซึ่งในอเมริกา เรามีคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ บริษัท Red Chamber และ บริษัท Aqua Star ที่เป็นผู้นำเข้าอันดับ 1 ของอเมริกา และส่งสินค้ากุ้งแช่แข็งไปจำหน่ายยังซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ๆ ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น Wal-Mart , Safeway, Ahold , Costco เป็นต้น ส่วนที่ตลาดญี่ปุ่น เราได้บริษัทยักษ์ใหญ่ 1 ใน 3 ของบริษัทจำหน่ายอาหารทะเลแปรรูปแช่แข็งในตลาดญี่ปุ่น อย่าง Kyokuyo เป็น Partner นำเข้าอาหารทะเลแช่แข็ง และจำหน่ายไปยังร้านค้าและภัตตาคารต่าง ๆ ชื่อดังทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งล่าสุดมีการลงทุน 30 ล้านบาทขยายกำลังการผลิตปลาซาบะ และร่วมกับ Kyokuyo นำเข้าไปจำหน่ายยังญี่ปุ่น” นายอนุรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ ยูเอฟพี ยังสามารถเจาะในตลาดยุโรปส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งไปจำหน่ายได้มากกว่า 40 บริษัท และยังมีแผนการขยายช่องทางส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งเพิ่มอีกด้วย เพราะมีพันธมิตรครบถ้วนเกือบทุกภูมิภาคใหญ่ ๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมองหาช่องทางขยายตลาดเพิ่มขึ้นด้วยการมองหาพันธมิตรในภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก รวมทั้งรัสเซีย ซึ่งคาดว่าภายใน 1 - 3 ปีนี้ จะสามารถส่งออกอาหารยูเอฟพีไปยังประเทศเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน
นายอนุรัตน์กล่าวว่า “ปัจจุบัน ยูเอฟพี เป็นผู้ส่งออกกุ้งแช่แข็งในอันดับต้น ๆ ของไทย โดยมียอดส่งออกปีละประมาณ 7,500 — 10,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตต่อเนื่องมาทุกปีเฉลี่ยปีละ 5 — 10 % มีส่วนแบ่งการตลาดส่งออกประมาณ 10% ของไทย และยังเป็นผู้นำตลาดอาหารทะเลแช่แข็งภายในประเทศภายใต้แบรนด์ “พรานทะเล” ซึ่งบริษัทฯ ก็จะให้ความสำคัญในการเพิ่มแนวทางจำหน่ายสินค้ามากขึ้น ซึ่งนอกจากสินค้าอาหารทะเลแช่แข็งแล้วจะจำหน่ายสินค้าประเภทแช่เย็น Chill เป็นทางเลือกแก่ลูกค้าในประเทศในการปรุงอาหารจากเนื้อสัตว์ที่ให้โปรตีนที่เพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภค”
สำหรับก้าวย่างการเติบโตในอนาคตต่อไปของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งของยูเอฟพีนั้น นายอนุรัตน์กล่าวว่า “บริษัทฯตั้งเป้าว่าในอีก 5 -10 ปี จะเป็นบริษัทที่มีความมั่นคง ที่สามารถยืนอยู่ท่ามกลางการค้าระดับโลกได้ จึงมีแผนการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 3 - 5 ปีข้างหน้า และแผนการขยายตัวหลังจากนั้นจะเน้นการลงทุน การพัฒนาด้านการจัดหาวัตถุดิบ และการพัฒนาด้านกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาสินค้าได้อย่างครอบคลุมให้มากกว่าเดิม”
“มาถึงวันนี้ ยูเอฟพี ภูมิใจที่เป็นบริษัทคนไทยอย่างแท้จริง ที่สามารถผลิตสินค้าจากประเทศไทยและส่งออกนำเงินเข้ามาสู่ประเทศหลายแสนล้านบาทในรอบ 30 ปี ซึ่งนอกจากจะพัฒนาและผลิตสินค้าภายใต้มาตรฐานสากล เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของตลาดโลก และลูกค้าโดยทั่วไปแล้ว ยังภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการส่งออก เพราะเชื่อว่า จะทำให้ ยูเนี่ยนโฟรเซนโปรดักส์ กรุ๊ป เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบต่อไป” นายอนุรัตน์กล่าวในที่สุด