กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วางแผนจะจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน mai Matching Fund ที่มีมูลค่า กองทุนกว่า 1,000 ลบ. ลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพ หวังดึงเข้าจดทะเบียน ตั้งเป้าปี 49 มีบจ. เพิ่มอีก 40 บ. หวังเพิ่มมูลค่าการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 330 ล้านบาทต่อวัน
นายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ในปี 2549 ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ตั้งเป้าว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนจำนวน 40 บริษัท ขณะเดียวกัน กำลังวางแผนจะจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจเป้าหมายที่มีศักยภาพ เพื่อที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอในอนาคต โดยคาดว่าจะจัดตั้งได้ในช่วงต้นปี 2549 นี้
“การดำเนินงานของกองทุนร่วมลงทุนนี้ คือการเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทที่มีศักยภาพ โดยจะเน้นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เทคโนโลยีทางด้าน วัฒนธรรม (CT หรือCulture Technology) เช่น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ การท่องเที่ยว เป็นต้น เทคโนโลยีสำหรับอนาคต ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ และ นาโนเทคโนโลยี (Bio/Nano Technology) สื่อ (Media) และบริการเฉพาะกิจ (Professional Services) เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการเป็นบริษัทจดทะเบียนและเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับธุรกิจดังกล่าว ก่อนที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอในอนาคต” นายวิเชฐกล่าว
ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2548 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพิ่มขึ้นจำนวน 10 บริษัท รวมเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ทั้งสิ้น 32 บริษัท ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์รวมตามราคาตลาดของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในปัจจุบันมีมูลค่า 13,257 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอีก 4 บริษัท ทำให้มีบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 36 บริษัทภายในปี 2548
ปัจจุบัน มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ได้จัดตั้งกองทุน LTF ชื่อ “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็ม เอ ไอ (SCBLT3)” มูลค่าลงทุน 5,000 ล้านบาท
นายวิเชฐกล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะนำธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) เข้าจดทะเบียนเท่านั้น แต่ตั้งเป้าที่จะเป็นตลาดหลักทรัพย์สำหรับธุรกิจทุกขนาด (SML) โดยเน้นธุรกิจของ ผู้บริหารที่มีบุคลิกเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง อยู่ในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง และเป็นธุรกิจที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ มีทรัพย์สินทางปัญญา หรือเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง”
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จึงมุ่งเน้นการทำการตลาดเชิงรุก โดยการส่งทีมงานเข้าไปหาธุรกิจที่มีศักยภาพ และจัดอบรมให้ความรู้และช่วยเตรียมความพร้อมในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน พร้อมการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเชิงลึก และการให้ความรู้ผ่านกิจกรรมSmart IPO เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง FANZI Club ขึ้น เพื่อสร้างเครือข่ายของผู้บริหารมืออาชีพรุ่นใหม่ ที่ได้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอแล้ว เพื่อให้ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์และความร่วมมือในด้านต่างๆ กันอย่างสม่ำเสมอด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จะยังคงส่งเสริมให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ อย่างต่อเนื่อง โดยการเผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น และการจัดกิจกรรมให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุน อาทิ งาน BUZI G party ที่เชิญผู้ที่มีศักยภาพในการลงทุนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมทั้ง การร่วมเป็นผู้จัดงาน “Business Fair” งานมหกรรมการเงิน (Money Expo) งานมหกรรมการลงทุนครบวงจร (SET in the City) และงานวันตลาดนัดผู้ลงทุนไทย (Thai Investors’ Day) ด้วย
สถิติภาพรวมตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ
ณ 30 ธันวาคม 2547 ณ 14 ธันวาคม 2548
ดัชนีตลาด MAI
- ปิด 188.07 157.12
- สูงสุด (16 ม.ค.) 371.45 (16 ก.พ.) 214.00
- ต่ำสุด (1 พ.ย.) 178.08 (2 ธ.ค.) 154.05
มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ (ล้านบาท) 34,220.73 34,963
การซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 140 150
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) 11,703 13,257
บริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่ 14 10
จำนวนบริษัทจดทะเบียน 24 32
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร:
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049
วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797--จบ--