กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--เอ. พี. ฮอนด้า
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยประเดิมไตรมาส 3 ของปี 2553 ส่งสัญญาณดีสุดขีดเหยียบหลักล้านแล้วอย่างสวยงาม เหนือความคาดหมาย ทั้งที่ทราบกันดีอยู่ว่าภายในช่วงเดือนนี้ไม่ใช่ช่วงหน้าขายและเริ่มเข้าสู่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อปริมาณการขายเหมือนในเช่นทุกปีที่ผ่านมา โดยยอดขายในเดือน 7 แตะ 1.1 ล้านคัน ฮอนด้าเก็บยอดสะสมกว่า 7.4 แสนคัน เฉพาะเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีปริมาณยอดจดทะเบียนสะสมรวมทุกยี่ห้อที่ 156,526 คัน เป็นรถฮอนด้า 103,316 คันโดยรถแบบหัวฉีดยังคงโกยยอดขายได้มากถึง 101,150 คัน ครองสัดส่วนตลาดอยู่ที่ 65% ส่งกระแสฟีเว่อร์แรงอย่างต่อเนื่อง ฮอนด้าปลื้มสุดๆ หลังปล่อยแคมเปญหนังโฆษณาชุดใหม่ “ถามผู้ใช้จริงดีกว่า” จนทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าระบบหัวฉีด PGM-FI ดีจริงมากยิ่งขึ้น รวมผู้ใช้รถหัวฉีดสะสมในตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปัจจุบัน ยืนยันว่ามากกว่า 1.4 ล้านคันแล้ว ส่วนรถแบบ เอ.ที.ยังฮอตฮิตติดลมบนครองความนิยมถึง 53%
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารส่วนงานการขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทย 7 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณการจดทะเบียนสะสมรวมทั้งสิ้น 1,089,745 คัน โดยในจำนวนนี้เป็นยอดขายสะสมของฮอนด้าสูงถึง 744,749 คัน หรือคิดเป็น 68% ของตลาดรวมทั้งหมด เฉพาะเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียนสะสมมากถึง 156,526 คัน เพิ่มขึ้นในเดือนเดียวกันจากปีก่อนหน้ากว่า 17,626 คัน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากปัจจัยด้านภูมิอากาศที่ย่างเข้าสู่ฤดูมรสุม ซึ่งเป็นอีกปัจจัยให้การเดินทางในการจับจ่ายใช้สอยไม่เอื้ออำนวยมากนัก พร้อมกับเดือนกรกฎาคมนี้เองเป็นช่วงที่มีเทศกาลวันหยุดต่อเนื่องกันยาวนานหลายวัน ผู้บริโภคจึงเกิดการชะลอการใช้จ่ายเพื่อไว้ใช้สำหรับเป็นค่าเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน รวมถึงกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อร่วมเทศกาลงานบุญและเยี่ยมเยียนผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพนับถือ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้ดังเช่นทุกปีอยู่แล้ว ซี่งถ้ามองย้อนกลับไปที่ตัวเลขยอดขายจะสังเกตได้ว่ารถกลุ่มรถในประเภทรถ เอ.ที. และรถระบบหัวฉีดยังคงเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
“หากศึกษาในรายละเอียดจะพบว่า ยอดจดทะเบียนสะสมของรถฮอนด้านอกจากจะสะท้อนถึงพฤติกรรมการเลือกใช้รถจักรยานยนต์ที่เปลี่ยนไป นอกจากจะประหยัดน้ำมัน และเคยเน้นที่สมรรถณะแล้ว ยังต้องเน้นนที่สะะดวกสบาย ขับขี่ง่าย ตอบทุกโจทย์ทุกไลฟสไตล์ รวมทั้งยังต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่จะเกิดกระแสการเติบโตของกลุ่มรถจักรยานยนต์ฮอนด้าประเภท เอ. ที. จะมีสัดส่วนครองความนิยมเพิ่มสูงมากขึ้นมาโดยตลอด มากกว่ารถประเภทอื่นๆ ซึ่งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีอัตราครองตลาดสูงถึง 53% ด้วยยอดขายสะสม 83,738 คันแล้ว และยังมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจชี้ชัดได้คือ ยอดขายที่เติบโตของฮอนด้านั้น มีปริมาณสูงมากกว่าตลาดรวมถึง 127% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปริมาณยอดจดทะเบียนสะสมที่ 103,316 คันนั้น เป็นรถหัวฉีด PGM-FI ถึง 101,150 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 98% สะท้อนถึงความสำเร็จที่ฮอนด้าได้สร้างเทรนด์การขับขี่ใหม่ และทำให้รถหัวฉีดกลายเป็นรถยอดนิยมสูงสุดในหมู่วัยรุ่นและผู้ใช้ได้ชัดเจน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้มากกว่า 1.4 ล้านคัน”
นายธีระพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเราได้ออกแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “ถามผู้ใช้จริงดีกว่า” ที่นำเสนอเรื่องราวสัญลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์ล่องหน แทนผู้ใช้รถแบบคาบูเรเตอร์ แล้วถามข้อสงสัยของตนผ่านกลุ่มผู้ใช้รถหัวฉีดตัวจริง จนเกิดความมั่นใจในรถหัวฉีด สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของฮอนด้าที่มุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำสมัย จนสามารถตอบทุกความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นด้านประหยัดเชื้อเพลิงที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ขับขี่สนุก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ความมั่นใจต่อผู้ใช้ ด้วยการรับประกันระบบหัวฉีดนาน 5 ปี บริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วไทย อีกทั้งในไตรมาส 4 ฮอนด้าพร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ระบบหัวฉีด PGM-FI ในศักยภาพที่เต็มเปียมไปด้วยความชำนาญในฐานะผู้นำการปฏิวัติสู่ยุคหัวฉีดเพื่อมากระตุ้นยอดขาย พร้อมสร้างความคึกคักให้แฟนคลับฮอนด้าชาวไทยได้เซอร์ไพรส์ในช่วงปลายปีกันแน่นอน
ด้านรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนกรกฎาคม 2553 มียอดจำหน่ายรวมที่ 156,526 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที 83,738 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 53% ซึ่งขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวมียอดจดทะเบียนที่ 69,799 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 45% รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 713 คัน แบบสปอร์ต 482 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดเกือบ 1% และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 1,794 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดกว่า 1%
หากแบ่งแยกออกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตประจำเดือนกรกฎาคม 2553 รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 103,316 คัน เทียบเท่ากับอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 43,358 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 6,399 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,575 คัน, ไทเกอร์ 197คัน, แพลทินัม 89 คัน, เจอาร์ดี 29 คัน และอื่นๆ 1,563 คัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
แผนกสื่อสารการตลาด บริษัท เอ. พี. ฮอนด้า จำกัด โทรศัพท์ 02 757-6111
คุณปิยังกรณ์ ฉินพรรุจี ต่อ 2510, E-mail: piyangkorn@aphonda.co.th
คุณธัญลักษณ์ ไชยปะ ต่อ 2508, E-mail: thanyalak@aphonda.co.th