กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--TMA
TMA สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ IOD จัด Thailand Competitiveness Conference 2010 ระดมสมองผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน ผลักดันความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย หวังแซงหน้าเพื่อนบ้าน สร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก ดันจุดแข็ง ดับจุดอ่อน พร้อมวางแนวทางพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศอย่างแท้จริง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความสมดุลระหว่างความยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญ โดยภาคประชาชน เอกชน และรัฐบาล ต้องร่วมมือกันในการสร้างวิธีการเจริญเติบโตรูปแบบใหม่ให้ยั่งยืน
โครงสร้างเศรษฐกิจและสถานภาพความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของไทย ในปีนี้อยู่ในอันดับที่ 26 เทียบเท่าปีที่ผ่านมา หากพิจาณาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและผลการพัฒนาประเทศ ในตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตจากเดิมซึ่งเป็นประเทศกสิกรรมมาสู่ประเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สูงกว่าภาคเกษตรกรรมเป็นครั้งแรก มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 เป็นต้นมา และหากเปรียบเทียบอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลิตภาพการผลิตโดยรวมของไทย การเติบโตจากจากการเพิ่มปริมาณการใช้ปัจจัยการผลิต การขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีที่มาจากการเพิ่มปริมาณการใช้ปัจจัยการผลิตเป็นหลัก ภายใต้ข้อจำกัดด้านทรัพยากร และหากประเทศไทยยังมีการพัฒนาตามแนวทางเดิม จะกลายเป็นข้อเสียเปรียบทางด้านความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระยะยาวต่อไป ทั้งนี้ ภาคประชาชน เอกชน และรัฐบาล ต้องร่วมมือกันในการสร้างสรรค์ ผลักดัน เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน เน้นหนักการปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศด้วยการเชื่อมโยงธุรกิจภาคบริการ อุตสาหกรรม และเกษตรเข้าด้วยกันให้เป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มธุรกิจสุขภาพ อาหาร กับการท่องเที่ยว โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐาน “วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย” ที่เชื่อมโยงกับ “ความคิด” และ “เทคโนโลยีใหม่” และสร้างระบบเศรษฐกิจที่ผสมผสานสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย
เข้ากับองค์ความรู้ที่ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวขึ้น เป็นการสร้างมูลค่าและคุณค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ความสามารถในการแข่งขันของไทยปี 2546 - 2553
ประเทศไทยมีระดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับปานกลาง
(Middle Income Tier)
ช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ในระดับทรงตัว
ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยแยกตามปัจจัยหลักของ IMD*
ประเทศไทย ’50 ’51 ’52 ’53
อันดับโดยรวม 33 27 26 26
1. สมรรถนะเศรษฐกิจโดยรวม 15 12 14 6
2. ประสิทธิภาพของภาครัฐ 27 22 17 18
3. ประสิทธิภาพของภาคเอกชน 34 25 25 20
4. โครงสร้างพื้นฐาน 48 39 42 46
จุดแข็ง ได้แก่ สมรรถนะเศรษฐกิจโดยรวม
จำนวนประเทศในการจัดอันดับของ IMD แต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 55-58 ประเทศ
ปัจจัยเสี่ยง
1. ผลิตภาพการผลิตในภาคการผลิตและบริการยังอยู่ในระดับต่ำ
2. ทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจำกัดและมีแนวโน้มเสื่อมโทรมมากขึ้นเรื่อยๆ
3. ภาวะโลกร้อนส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งกระทบต่อผลผลิตภาคการเกษตรและรูปแบบการผลิตของภาคอุตสาหกรรม
4. ความสามารถในการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการให้ทันต่อการตอบสนองของความต้องการสินค้าและบริการของผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มมากขึ้นในประเทศพัฒนาแล้ว
5. การเปิดเสรีการค้าการลงทุนส่งผลให้เกิดการแข่งขันสูงขึ้น
6. กฎระเบียบและกฎ กติกาใหม่ๆ ในการบริหารจัดการเศรษฐกิจโลก
ภูมิคุ้มกัน และแนวทางการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
1. พัฒนาเสริมสร้างทักษะความชำนาญองค์ความรู้ เทคโนโลยี และภูมิปัญญา รวมทั้งการประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของภาคการผลิตและบริการ
2. ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรม
เชิงนิเวศ
3. ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
4. ใช้ประโยชน์จากจุดเด่นของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งรักษาและใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติ ความมีเอกลักษณ์โดดเด่นของประเพณีวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและความเป็นไทย
5. สร้างบรรยากาศการค้าและการลงทุน รวมทั้งปรับปรุงกฎ ระเบียบ และกฎหมายที่เอื้อต่อการเพิ่มผลิตภาพการผลิต
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
คุณพัชรี พวงศรี หรือ คุณเบญจมาศ บูรณ์เจริญ
โทรศัพท์ 02-718-5601-4 ต่อ 253 หรือ 101 โทรสาร 02718-6144,02-319-5666
E-mail: patcharee@tma.or.th;benjamart@tma.or.th / www.tma.or.th