ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. 50 ลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี

ข่าวทั่วไป Thursday August 23, 2007 14:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--ส.อ.ท.
เหตุปัจจัยค่าเงินบาท การเมือง ราคาน้ำมัน กระทบความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการจี้รัฐดูแลเงินบาทไม่ให้แข็งค่า ย้ำส่งเสริมบรรยากาศทางการเมืองให้มีเสถียรภาพ
นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (Thai Industries Sentiment Index: TISI) ในเดือนกรกฎาคม 2550 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 471 ตัวอย่าง ครอบคลุม 35 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมฯ ว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 72.7 จาก 80.9 ในเดือนมิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2550 ต่ำกว่า 100 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 นับตั้งแต่เมษายน 2549 เป็นผลมาจาก ยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่ลดลงทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว ขณะที่ต่างประเทศเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การลดลงของยอดคำสั่งซื้อและยอดขายยังทำให้ความเชื่อมั่นด้านปริมาณการผลิตและผลประกอบการปรับตัวลดลง โดยผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาขายได้ เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ด้านต้นทุนการผลิต ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นอันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงบ้างเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมโดยรวม ของผู้ประกอบการยังคงเป็นปัจจัยเดียวกับเดือนมิถุนายน ประกอบด้วย ปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยน เศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น สำหรับปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยกระทบต่อกิจการน้อยลง ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งไม่ส่งผลกระทบต่อกิจการ
ทั้งนี้ความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมจำแนกตามสัดส่วนการส่งออกต่อยอดขาย พบว่า อุตสาหกรรมที่เน้นจำหน่ายตลาดต่างประเทศได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ขณะที่อุตสาหกรรมที่เน้นตลาดภายในประเทศได้รับผลกระทบจาก เศรษฐกิจ/กำลังซื้อ ที่ชะลอตัว รองลงมาเป็นปัญหาด้านสถานการณ์ทางการเมืองเป็นสำคัญ
โดยความเชื่อมั่นจำแนกตามภูมิภาคของอุตสาหกรรมภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินบาท เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัญหาทางด้านการเมืองเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดัชนีปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของภาคเหนือเป็นผลมาจากต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าที่ลดลงและเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กลาง และเล็กปรับตัวลดลงทุกขนาดอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และขนาดกลางได้รับผลกระทบจากปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทเป็นสำคัญ สำหรับอุตสาหกรรมขนาดเล็กได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านต้นพลังงานเป็นสำคัญ
ด้านข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่า รัฐบาลควรดูแลค่าเงินบาทมิให้แข็งค่าและมีเสถียรภาพ เร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ/การบริโภค ส่งเสริมบรรยากาศทางการเมืองให้มีเสถียรภาพ และกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน ส่งเสริมการแข่งขันด้านตลาดกับต่างประเทศ และเร่งแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โทร. 0-2345-1017 โทรสาร 0-2345-1295-9

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ