กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--เวก้า
นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจงานแสดงสินค้า และความต้องการของลูกค้าในการเปิดตลาดตะวันออกกลางที่มีมากขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะนี้ บริษัทเวก้าฯได้เปิดบริษัทสาขาที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดงานแสดงสินค้าต่างๆในตะวันออกกลาง โดยใช้ดูไบ เป็นศูนย์กลางการดำเนินงาน
พร้อมกันนี้ในเดือนกันยายน บริษัทเวก้าฯจะมีการจัดประชุมใหญ่เพื่อสร้างความพร้อมด้านความรู้ความเข้าใจในตลาดการค้าของตะวันออกกลาง ให้กับผู้ประกอบการกว่า80ราย ในการเตรียมตัวเดินทางเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง คืองาน Thailand Pavilion: Global Village —Dubai 2010-2011 ณ เมืองดูไบแลนด์ ประเทศสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ระหว่างวันที่10พฤศจิกายน 2553-28 กุมภาพันธ์ 2554 รวมเวลา111วัน มีจำนวนบูธทั้งหมด 111 คูหาโดยขณะนี้จำนวนผู้จองบูธมีมากกว่า 90%แล้ว
นายอัครวุฒิเปิดเผยอีกว่า ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในหมู่บ้านไทย(Thai Pavilion )ครั้งนี้ มีจำนวนมากกว่าปี2552 ที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตการณ์ดูไบเมื่อปีที่แล้วค่อยๆคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และมีการบอกต่อกันปากต่อปากจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในครั้งที่แล้ว โดยมีผู้ประกอบการรายเดิมที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดออเดอร์การส่งออก และจะกลับมาใหม่อีกกว่า 80% นอกนั้นเป็นลูกค้ารายใหม่ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดSMEs ที่ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้า สำเร็จรูป เครื่องประดับ และของตกแต่งบ้าน ตลอดจนสินค้าOTOP ต่างๆ สำหรับกลุ่มธุรกิจบริการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโดยคุณปราโมทย์ ทรัพย์เย็น ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานดูไบ จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยผ่านงาน Global Village 2011 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบบูรณาการครอบคลุมทุกภาคส่วน สามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยให้สูงขึ้นอย่างน้อย35%ของปีที่ผ่านมา ทั้งเป็นการร่วมส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้เป็นที่นิยมและแพร่หลายมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง และช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันด้านธุรกิจการท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองตลาดชาวตะวันออกกลางและโลกมุสลิม เหนือประเทศคู่แข่งเพื่อนบ้าน และภูมิภาคเดียวกัน เช่นสิงคโปร์ ฟิลิปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียตนาม ฮ่องกงฯลฯทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวที่มาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นในที่สุด
นอกจากนี้ยังมีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ก็มีความสนใจที่จะร่วมสร้างเครือข่ายเน็ตเวิร์คของธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพและความงามของไทยให้เป็นที่แพร่หลายในตะวันออกกลาง เป็นการประชาสัมพันธ์และทำตลาดเชิงรุกโปรโมท ศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาคเอเชีย(Thailand:Medical Hub of Asia) ผ่านช่องทางสื่อสารคือหมู่บ้านไทย ในงาน Global Village 2011 อีกด้วยเช่นกัน
งานแสดงสินค้าโกลบอลวิลเลจ2010-2011 เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านนานาชาติกว่า 32 ประเทศ โดยมีกลุ่มนักธุรกิจในภูมิภาคตะวันออกกลางGCC (คูเวต การ์ตา บาห์เรน โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรต และซาอุดีอาระเบีย) ซึ่งมีกำลังซื้อสูงสุด พร้อมเศรษฐีอาหรับ นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 6 ล้านคนเข้าร่วมเทรดการค้าหรือเจรจาธุรกิจ และเที่ยวชมในงาน โดยหมู่บ้านไทย จัดว่าได้รับความนิยมสูงสุด1ใน5 ของหมู่บ้านนานาชาติ ด้วยอัธยาศัยไมตรีและน้ำใจไทย ตลอดจนสินค้าที่มีเอกลักษณ์ไทย รสชาติอาหารไทย ผลไม้ไทยที่โลกยกย่อง วัฒนธรรมการละเล่นและการแสดงนาฏศิลป์ที่งดงามอ่อนช้อย ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมประเพณีของไทยซึ่งเป็นมนต์มัดใจชาวอาหรับเป็นอย่างมาก พร้อมศูนย์บริการให้คำปรึกษาด้านการดูแลรักษาสุขภาพของโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศไทยมาตรฐานระดับโลก
“สำหรับผู้ประกอบการรายใดที่ต้องการคำปรึกษา หรือขอข้อมูลการทำตลาดตะวันออกกลางสามารถเข้าไปที่เว็บไซท์www.vegainter.com หรือติดต่อโดยตรงกับทางบริษัทฯได้ครับ” นายอัครวุฒิ กล่าวสรุป