กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--โครงการต้นกล้าอาชีพ
โครงการต้นกล้าอาชีพ เผยความสำเร็จ ต้นแบบแก้ไขวิกฤติคนตกงาน และสร้างงาน สร้างรายได้ และดำเนินการเสร็จสิ้นบรรลุตามวัตุประสงค์ สรุปว่า โครงการต้นกล้าอาชีพมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวน 506,321 แสนคน โดยมีประชาชนสามารถนำความรู้ไปสร้างงานได้จำนวน 417,625 ตำแหน่ง คิดเป็นร้อยละ 80 เผยพร้อมนำโครงการต้นกล้าชีพไปใช้เป็นต้นแบบแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการต้นกล้าอาชีพเป็นโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสังคมในชุมชน ให้ผู้ว่างงานมีความรู้ ทักษะหรือการต่อยอดเพื่อพัฒนาความชำนาญเฉพาะทางในวิชาชีพ ให้สามารถกลับไปสร้างงาน ทำงานที่เป็นประโยชน์ในท้องถิ่นบ้านเกิด หรือปรับเปลี่ยนตนเองเป็นผู้ประกอบการอิสระรายย่อยในชุมชน ตามความสนใจและความถนัดในระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น และครอบครัว เพื่อเป็นการขับเคลื่อนพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ให้มีมาตรฐานและเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้โครงการต้นกล้าอาชีพเป็นโครงการที่รัฐบาลเน้นให้การสนับสนุนด้านการสร้างงาน สร้างรายได้ โดยได้จัดทำเป็นลักษณะของการฝึกอบรม ให้องค์ความรู้ในสายวิชาชีพด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มทักษะ และพัฒนาศักยภาพในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการเกษตรที่รัฐบาลพยายามให้การสนับสนุนในทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง ได้รับจัดสรรงบประมาณจากงบกลางปี พ.ศ. 2552 ทั้งสิ้น 6,900 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น 5,627.18 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 81.5 คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายอีกประมาณ 200 ล้านบาท แล้วงบที่เหลือก็จะถูกส่งคืนคลัง ซึ่งในขณะนี้สถาบันฝึกอบรมก็ได้ทยอยนำส่งคืนคลังแล้วประมาณ 200 ล้านบาท
ส่วนงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากงบประมาณไทยเข้มแข็ง ทั้งสิ้น 2,545.8 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น 896.28 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.2 โดยงบประมาณดังกล่าวได้ใช้สำหรับการจัดฝึกอบรมโครงการภายใต้ สวทช. จำนวน 218.5 ล้านบาท ใช้ในโครงการผู้สอบบัญชีกองทุนหมู่บ้าน 38 ล้านบาท และใช้ในการจ่ายเงินอุดหนุนการประกอบอาชีพ จำนวน 639.76 ล้านบาท โดยงบประมาณส่วนที่ยังไม่เบิกจ่ายเนื่องจากเป็นงบประมาณในส่วนของโครงการสำมะโนประชากรของสำนักงานสถิติ 436.1 ล้านบาท ซึ่งกำลังจะเริ่มดำเนินการในเดือนสิงหาคมนี้ และงบประมาณในการจ่ายเงินอุดหนุนการประกอบอาชีพอีก 1,170 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน มีนาคม พ.ศ. 2554 รวมโครงการได้รับงบประมาณจัดสรรทั้งสิ้น 9,440.8 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น 6,523.46
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า โครงการต้นกล้าอาชีพได้ดำเนินการเสร็จสิ้นภารกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 — กันยายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งผลงานการดำเนินงานโครงการฯ เป็นที่น่าพอใจ และสรุปว่า โครงการต้นกล้าอาชีพมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวน 506,321 แสนคน โดยมีประชาชนสามารถนำความรู้ไปสร้างงานได้จำนวน 417,625 ตำแหน่ง คิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมทั้งหมด ผ่านการดำเนินการทั้ง 3 ลักษณะ ประกอบด้วย
โครงการต้นกล้าปกติ มีผู้แจ้งความประสงค์กลับไปประกอบอาชีพที่ภูมิลำเนาแล้วทั้งหมดจำนวน 216,305 คน คิดเป็นร้อยละ 70.9 ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมโครงการต้นกล้าปกติทั้งหมด โครงการต้นกล้าอาชีพพิเศษ มีผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมด 154,509 คน โดยผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมดนี้ได้รับการจ้างงานต่อเนื่องทันทีหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม โครงการชะลอเลิกจ้าง ช่วยเหลือผู้กำลังจะถูกเลิกจ้างจากภาคเอกชน สมาคม และมูลนิธิต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกทั้งสิ้น 46,811คน
“ความสำเร็จของโครงการต้นกล้าอาชีพ ที่ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลก ยังได้แสดงให้เห็นว่าเป็นโครงการที่มีนวัตกรรมทางความคิดซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติจริง สามารถนำไปเป็นต้นแบบกรณีการเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของไทยในอนาคตได้อีกด้วย ทั้งนี้ความสำเร็จดังกล่าวยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากนานาประเทศด้วยรางวัล Special Awards จาก S.I.T.S (South-Pacific Innovation Transfer Society) ประเทศออสเตรเลีย รางวัลเหรียญทองแดง จากกงาน Seoul International Invention Fair (SIIF) 2009 ประเทศเกาหลีใต้” นายอภิสิทธิ์ กล่าวในตอนท้าย