กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--พม.
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เตรียมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย เพื่อเข้าร่วมฉลองงานวันชาติไทย (National Day) ในงาน World Expo 2010 ในวันที่ 5 กันยายน โดยมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร่วมฉลองงานวันชาติในครั้งนี้ พร้อมด้วย Mr. Zhang Zhaozhuo, Vice Chairman of the Chinese People's Political Consultative Conference (CPPCC) และคณะบุคคลสำคัญจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และผู้บริหารจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมเฉลิมฉลอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานฉลองวันชาติไทย หรือ National Day ในครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทย ในการแสดงออกถึงสถานภาพของประเทศไทยบนเวทีระดับโลก แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางเอกลักษณ์ วัฒนธรรมอันงดงามของชาติไทย อันจะนำมาซึ่งภาพลักษณ์อันดี ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับชาวต่างประเทศในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นการทำให้ชาวโลกหันกลับมามองประเทศไทยว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม และนอกเหนือไปกว่านั้น นับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ อันจะส่งผลในแง่บวกแก่ประเทศไทยนานับประการ”
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “รู้สึกภูมิใจที่ได้รับทราบว่า อาคารศาลาไทย หรือ Thailand Pavilion ในงาน World Expo 2010 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เห็นได้จากการที่มีจำนวนมีนักท่องเที่ยวเข้าชมอาคารไปแล้วจำนวน 4,452,777 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2553)
สำหรับงานฉลองวันชาติไทยในงาน World Expo 2010 ณ นครเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบดำเนินการอาคารศาลาไทย หรือ Thailand Pavilion ได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันชาติไทยอย่างยิ่งใหญ่ โดยจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก ภายใต้แนวคิด “Colors of Thainess” ซึ่งเป็นการผสมผสานการแสดงของไทยประเพณีและการแสดงสากล (Contemporary)
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า “กระทรวงฯ ได้เตรียมการถ่ายทอดความงดงามทางเอกลัษณ์และวัฒนธรรมสู่สายตาชาวโลก โดยแบ่งงานออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน คือ พิธีการช่วงเช้า (Official ceremony) และงานฉลองวันชาติในช่วงเย็น (Evening Performance) โดยพิธีการในช่วงเช้า จะเป็นพิธีเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมบรรเลงเพลงชาติไทย โดยวงดุริยางค์จีน ในส่วนของงานฉลองวันชาติในช่วงเย็น (Evening Performance) อยู่ภายใต้แนวคิด “Colors of Thainess” หรือ วิถีไทย วิถีแห่งความสุข ซึ่งเป็นการผสมผสานการแสดงของไทยและการแสดงสากล (Contemporary)
การแสดงแบ่งออกเป็น 5 องก์ โดย
องก์แรกมีชื่อว่า Life of Thai through water of Life เป็นการกล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยผ่านทางสายน้ำที่สะท้อนเรื่องราวของชีวิตคนไทยที่ผูกพันกับสายน้ำ และผ่านทางเสียงเพลงเต้นกำรำเคียว เพลงเกี่ยวข้าวเป็นเพลงพื้นบ้านที่นิยมกันในภาคกลาง
ในส่วนของการแสดง
องก์ที่ 2 เป็นการแสดงโขนนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย (The Epic of Ramayana) สำหรับโขนที่เลือกมาจัดแสดงในงานวันชาติ ได้แก่ โขน ตอนยกรบ เนื่องจากมีการแต่งกายที่สวยงาม มีลีลาของตัวละครที่ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น พระลักษณ์ พระราม หนุมาน กระบวนลิง กระบวนยักษ์ ทั้งยังมีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย งดงามตามแบบนาฏศิลป์ไทย
องก์ที่ 3 เป็นการแสดงที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้เข้ากับแนวความคิดของการแสดงที่ว่า Harmony in Colors of Thainess นำเสนอด้วยเสียงดนตรีที่ผสมผสานระหว่างดนตรีไทยพื้นบ้าน อาทิ ซอ โปงลาง เปิงมาง ฯลฯ เข้ากับเครื่องดนตรีสากล อย่างเชลโล และไวโอลิน โดยศิลปิน VIETRIO ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนเยาวชนไทยที่มีความสามารถในการใช้เพลงไทยผสมผสานกับดนตรีสากลได้อย่างลงตัว พร้อมนักแสดงสมทบแบบไทยพื้นบ้านประยุกต์ โดยนำเสนอเนื้อหาการแสดงที่สะท้อนวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ในภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน ของประเทศไทย
องก์ที่ 4 เป็นการจัดแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงและผลงานเพลงเป็นที่นิยมในประเทศจีนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการแสดง The Combination of Thai — Chinese Greatest Hits โดยศิลปิน ชิน ชินวุฒิ ที่เน้นภาพลักษณ์การแสดงเด็กไทยยุคใหม่มีบุคลิกสากลแต่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นไทย โดยเป็นชุดการแสดงแบบผสมผสานระหว่างโขนและเพลงแร๊พ (Rap) ในชุดถัดมาจะเป็นศิลปิน Golf & Mike ที่เน้นการร้องเพลงผสมผสานระหว่างเพลงไทยและเพลงจีน เพื่อเป็นตัวแทนของการผสมผสานความเป็นไทย-จีน
องก์ที่ 5 บทสรุปสีสันแห่งวิถีไทย ที่รวบรวมวิถีแห่งความสุขของคนไทย ผ่านขบวนน้องไท (Mascot ของอาคารศาลาไทย) พร้อมนักแสดงที่จะออกมาเต้นรำรื่นเริงในบทเพลง Thailand Pavilion ที่จะสร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้ชม
อาคารศาลาไทย สร้างบนพื้นที่ 3,117 ตารางเมตร หรือเกือบ 2 ไร่ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ ภายใต้แนวคิด “Thainess: Sustainable Ways of Life” แบ่งการแสดงออกเป็น 3 ห้อง เพื่อนำเสนอวิถีชีวิตความเป็นไทย
ห้องจัดแสดงนิทรรศการที่ 1 จากต้นสายแหล่งกำเนิด (A Journey of Harmony) นำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นไทย ที่มีวิถีการดำเนินชีวิตพึ่งพาธรรมชาติ จุดเริ่มต้นแห่ง “วัฒนธรรมสายน้ำ” ด้วยเทคนิค Hydro Screen 360 องศา สูงกว่า 6 เมตร และศิลปะอันวิจิตรทันสมัยของ Chandelier LED สี่เหลี่ยมรอบด้าน ขนาดใหญ่กว่า 4 เมตร พร้อมด้วยจอภาพใต้น้ำใหญ่กว่า 7 เมตร และเทคนิคพิเศษ Face detection ที่จะสร้างความสนุกสนานประหลาดใจให้แก่ผู้เข้าชม
ห้องจัดแสดงนิทรรศการที่ 2 เกิดร้อยพันหลายวิถี (A Harmony of Different Tones) นำเสนอเรื่องราวของวิวัฒนาการของประเทศไทยที่มีเอกลักษณ์ วัฒนธรรมอันงดงาม และเรื่องราวความสัมพันธ์ของประเทศไทยกับนานาชาติ รวมถึงความสัมพันธ์ของไทย-จีนที่มีมาเนิ่นนาน ด้วยจอภาพ Panorama 270 องศารอบด้าน ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง และไฮไลท์พิเศษกับ Animatronics หุ่นยนต์ยักษ์ไทยอินทรชิต สูงกว่า 3.5 เมตร
ในส่วนของห้องจัดแสดงนิทรรศการที่ 3 หลอมรวมชีวีสู่วิถีความเป็นไทย (Happiness through Harmony) บทสรุปของการร้อยเรียงเรื่องทั้ง 2 ห้อง สัมผัสกับความสุขบนวิถีความ ‘พอเพียง’ ของคนไทย ที่คนไทยสามารถมีรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุขนั้น มาจากความเอื้ออาทรต่อกัน การอยู่ร่วมกันของคนหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรมภายใต้ผืนแผ่นดินเดียวกัน ที่หลอมรวมจิตใจคนไทยทั้งชาติให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “หลังจากศาลาไทยได้เปิดแสดงให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอาคารอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา อาคารศาลาไทย หรือ Thailand Pavilion สามารถตอบโจทย์ความสง่างาม และแสดงเอกลักษณ์ของชาติไทยได้เป็นอย่างดี จนติดอันดับอาคารยอดนิยม และเป็นหนึ่งในอาคารที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด มีนักท่องเที่ยวเข้าชมแล้วเป็นจำนวนถึง 4,452,777 คน (ข้อมูล ณ. วันที่ 4 กันยายน 2553) ซึ่งแต่ละห้องจะใช้เวลาประมาณ 4 นาที นักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ชื่นชอบการจัดแสดงนิทรรศการทั้ง 3 ห้องโดยเฉพาะในห้องที่ 2 ที่เป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวความประวัติความเป็นมาของประเทศไทย และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องผ่านหุ่นยนต์ยักษ์ไทย “อินทรชิต” ซึ่งนับได้ว่าเป็นหุ่นยนต์ยักษ์สูงกว่า 3.5 เมตร ที่ใหญ่ที่สุดในงาน World Expo สร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นการจัดแสดงนิทรรศการในห้องที่ 3 ซึ่งเป็นการฉายภาพยนตร์แบบ 4 มิติ ยังสร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้นให้แก่ผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก การนำเสนอเรื่อง
ราวโดยมีรูปแบบเทคนิคที่ทันสมัย ผสมผสานเรื่องราวความเป็นไทย สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังสามารถจดจำคำทักทาย “สวัสดี” ได้ กระทรวงฯ มีความยินดีอย่างยื่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่เอกลักษณ์ไทย และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย”
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย วันละ 4 รอบ บริเวณจตุรมุขด้านหน้าศาลาไทย ซึ่งเป็นการแสดงผสมผสานระหว่างไทยกับสากล (Contemporary) อีกทั้งภายในอาคารศาลาไทย ยังมีการจำหน่ายสินค้า ของที่ระลึก จากร้านศิลปาชีพ 904 และร้านอาหารไทย ซึ่งดูแลโดยครัวการบินไทยมีการจำหน่ายอาคารไทย