กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--ตลท.
คณะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทยมีมติแต่งตั้ง นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เป็นประธานกรรมการสภาฯ คนใหม่ แทน นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ที่หมดวาระลง โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2553 ถึง 29 สิงหาคม 2555 โดยประธานกรรมการสภาฯ คนใหม่ เผยวิสัยทัศน์จะผนึกกำลังทุกสมาคมในตลาดทุน ให้เป็นฟันเฟืองสำคัญ สำหรับการเติบโตของตลาดทุนไทย เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมปรับแผนเชิงรุกเพิ่มบทบาทสภาธุรกิจตลาดทุนไทยให้เป็นที่ยอมรับในฐานะองค์กรสำคัญในภาคเศรษฐกิจ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า นับจากนี้จะมุ่งเน้นสานต่อเจตนารมณ์ของ สธท. ให้เป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ในฐานะองค์กรหลักในตลาดทุนที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจของประเทศ นโยบายสำคัญที่จะเร่งดำเนินการ คือ การเสริมสร้างบทบาทของ สธท. ให้เป็นที่ยอมรับ รู้จักแพร่หลายมากขึ้น และมีความสำคัญทัดเทียมกับองค์กรลักษณะเดียวกันในภาคเศรษฐกิจอื่น อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย เป็นต้น เพื่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ จะปรับสถานะองค์กรให้เป็นนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะรองรับ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา รวมทั้งจะปรับแผนดำเนินงานเป็นเชิงรุกอย่างจริงจัง ทั้งนี้ สธท. จะเริ่มจากการเป็นผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เพื่อร่วมเสนอแนวทางพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติโดยใช้กลไกตลาดทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ และการเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเครือข่ายภาคธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ภายใต้ชุดของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปร่วมกับองค์กรภาคธุรกิจที่สำคัญของประเทศ เพื่อร่วมสร้างพลังภาคธุรกิจในการช่วยปฏิรูปประเทศ โดยสธท. พร้อมแสดงจุดยืนในการสนับสนุนธรรมาภิบาลภาคธุรกิจ และความรับผิดชอบต่อสังคม
ด้านนายอนนต์ สิริแสงทักษิณ อดีตประธาน สธท. กล่าวว่า การปรับสถานะ สธท. เป็นองค์กรนิติบุคคล จะช่วยให้บทบาทของสธท. เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ทั้งนี้ การปรับสถานะองค์กรดังกล่าวต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี ดังนั้นจึงต้องทำควบคู่ไปกับการดำเนินงานเชิงรุกของสธท. ประธานสธท. คนใหม่ จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในการผลักดันการทำงานของสธท. ให้ประสบผลสำเร็จ
นอกจากนี้ สธท. ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานผู้กำหนดนโยบายภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมและผลักดันตลาดทุนของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำแผนแม่บทพัฒนาตลาดทุนไทย (Capital Market Master Plan) ฉบับที่ 2 (2549-2553) การจัดทำสมุดปกขาวเพื่อนำเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับตลาดทุน การเสนอแนะมาตรการสำคัญต่อรัฐมนตรีและผู้บริหารที่กำกับดูแลตลาดทุน รวมถึงการมีส่วนร่วมผลักดันการพัฒนาตลาดทุนเป็นวาระแห่งชาติ ส่งผลให้มีการตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย และมีแผนพัฒนาตลาดทุนที่เห็นเป็นรูปธรรมในที่สุด
ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะกรรมการและเลขานุการ สธท. กล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ และองค์กรสมาชิกของ สธท. ยินดีสนับสนุนสธท. เพื่อร่วมเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตลาดทุนไทยพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น การที่นายไพบูลย์ นลินทรางกูร เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการ สธท. ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของตลาดทุนไทย ที่ต้องก้าวสู่เวทีการแข่งขันในระดับสากล ด้วยประสบการณ์ด้านธุรกิจหลักทรัพย์อันยาวนานของนายไพบูลย์ เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้สถาบันตัวกลาง รวมทั้งองค์กรในตลาดทุน พัฒนาและเติบโตไปพร้อม ๆ กันอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน
นอกจากนี้ สมาชิก สธท. ยังได้แต่งตั้งตัวแทนจากองค์กรจำนวน 3 ท่าน เป็นกรรมการใหม่ แทนกรรมการที่ครบวาระ ประกอบด้วย นายรพี สุจริตกุล อุปนายก สมาคมบริษัทจัดการลงทุน นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการบริหารสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และนายมนตรี นิพิฐวิทยา อุปนายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 30 สิงหาคม 2553 ถึง 29 สิงหาคม 2555 ทั้งนี้ ประธาน และกรรมการ สธท. ที่ได้รับแต่งตั้ง มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี และเมื่อพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่ได้ แต่ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 จากการรวมตัวกันขององค์กรตลาดทุนที่สำคัญ 6 องค์กรได้แก่ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการ สธท. มีจำนวนทั้งสิ้น 11 ท่าน ประกอบด้วย กรรมการโดยตำแหน่ง ซึ่งได้แก่ นายกสมาคมของแต่ละสมาคม รวม 5 ท่าน ดำรงตำแหน่งประธานและรองประธาน และกรรมการโดยการแต่งตั้งจากแต่ละสมาคมแห่งละ 1 ท่าน รวม 5 ท่าน โดยมีกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2229-2600, 2604
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย