กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--FLIRT
สตีเบล เอลทรอน ผู้นำตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน สัญชาติเยอรมัน เติบโตสร้างประวัติการณ์ สวนกระแสยอดขายสูงสุดอันดับ 1 ในไทยและกลุ่มเอเชียแปซิฟิก พร้อมเปิดตัวแคมเปญใหม่ “I Love STIEBEL More & More” เพื่อสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคด้วยสิ่งที่เหนือคำว่า “มากกว่า” อย่างแท้จริง
มร.โรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเชีย จำกัด กล่าวในโอกาสงานประชุมตัวแทนจำหน่ายจาก 13 ประเทศ ในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ว่า “สตีเบล เอลทรอน จะเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะจัดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากสตีเบล เอลทรอน (ประเทศไทย) เป็นสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สำหรับไฮไลท์ในการประชุมครั้งนี้คือ การฉลองความสำเร็จของยอดขายในปีที่ผ่านมาของแต่ละประเทศ พร้อมทั้งการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์แผนระยะกลางของแผนดำเนินงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการประชุมเพื่อสรุปและเตรียมความพร้อมสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ประจำปี ซึ่งในปีนี้บริษัทฯจะแนะนำสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มในไลน์สินค้าที่มีอยู่ให้มีความหลากหลายและครบครัน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน “สตีเบล เอลทรอน” มีสินค้ารุ่นต่างๆในกลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่นให้เลือกมากที่สุดในตลาด โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ได้ในราวปลายปี 2553 ถึงต้นปี 2554”
“การจัดการประชุมตัวแทนจำหน่ายในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกนี้ จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี โดยเริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี 2541 โดยในปีนี้มีตัวแทนจำหน่ายชั้นนำของแต่ละประเทศเข้าร่วมประชุมถึง 13 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม เมียนม่า อินเดีย เยอรมนี และประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ ซึ่งในปีนี้เป็นที่น่ายินดีที่ “สตีเบล เอลทรอน” ในประเทศไทย ประสบความสำเร็จด้านยอดขายเป็นที่พอใจอย่างมากในการก้าวขึ้นมาสู่การเป็นผู้นำตลาดด้วยยอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย และเอเชียแปซิฟิก ด้วยยอดขายกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552 ที่ผ่านมา”
“สำหรับในปี 2553 นี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าที่จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดและมุ่งที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศต่างๆให้มากขึ้น ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง แต่ในปีนี้เราต้องการสร้างและตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดควบคู่กับการสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้กับลูกค้าด้วยคุณค่าที่มากกว่า ด้วยการเปิดตัวแคมเปญการตลาดใหม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากสโลแกน “I Love Stiebel” ในอดีตซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภคแต่เดิมเป็นอย่างมาก โดยในปีนี้เราต้องการสร้างคุณค่าของแบรนด์และสื่อสารความเป็นที่หนึ่งของสตีเบล เอลทรอนให้มากขึ้น ผ่านแคมเปญใหม่ “I Love Stiebel More & More” ด้วยการมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคให้เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมทั้งส่งมอบความรักความรู้สึกที่ดีผ่านสินค้าและบริการ เพื่อให้ลูกค้าของเราเกิดความผูกผัน และรักแบรนด์ให้มากขึ้น สะท้อนแนวคิด “ยิ่งรู้จัก…ยิ่งรักยิ่งผูกพัน” เพื่อให้แบรนด์ระดับพรีเมียมอย่างสตีเบล เอลทรอน เป็นแบรนด์ที่หนึ่งในใจของทุกคนทั้งในด้านเหตุผลและอารมณ์เหนือคำว่า ‘มากกว่า’ อย่างแท้จริง” มร.โรลันด์ กล่าว
นายนพพล ผาสุขดี ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในความเป็นจริง ‘สตีเบล เอลทรอน’ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์สีเขียวเพื่อลดโลกร้อนและประหยัดพลังงาน รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆที่หลากหลายมาก แต่สำหรับประเทศไทย บริษัทฯ เน้นทำตลาดเฉพาะ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ เครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความโดดเด่นมากและสร้างยอดขายสูงสุดในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 33% หรือคิดเป็นมูลค่า 435 ล้าน จากมูลค่าการตลาดประมาณ 1,300 ล้านบาท และในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่น รุ่นประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุด สามารถช่วยประหยัดไฟฟ้าและน้ำ ได้ถึง 40% กลุ่มที่สอง คือ เครื่องกรองน้ำ ที่เหมาะสำหรับทุกครัวเรือน สามารถกรองสารปนเปื้อนและแบคทีเรียได้สูงถึง 100% ด้วยระบบใหม่ล่าสุด “อัลตร้า ฟิวเทรชั่น พลัส ไอออน” (Ultra filtration plus Silver Ions) และ กลุ่มสุดท้ายคือ Heat Pump หรือปั้มความร้อนแบบประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 80 % ซึ่งนิยมใช้กันมากตามโรงแรม รีสอร์ท บ้านพัก และคฤหาสน์หรู”
“สำหรับแคมเปญ “I Love Stiebel More & More” เป็นแคมเปญการตลาดใหม่ที่เราต้องการสร้างคุณค่าของ แบรนด์มากขึ้นและต่อยอดจากแคมเปญเดิม ซึ่งประสบความสำเร็จในด้านการรับรู้จากผู้บริโภคมาแล้ว โดยในปีนี้เราเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจร หรือ IMC ทั้ง Above the line และ Below the line เพื่อสร้างการรับรู้และความจงรักภักดีให้กับแบรนด์ทั้งด้าน functional & emotional โดยผ่านสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่ รวมถึงการใช้สื่อและช่องทางการสื่อสารใหม่ๆอย่าง Facebook และYouTube ตลอดจนการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นร่วมกับ ดีลเลอร์และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยเฉพาะการกระตุ้นความต้องการของลูกค้าใหม่ๆ เป็นต้น โดยคาดว่าจะใช้งบการตลาดกว่า 60 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายในปีนี้มากกว่า 480 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% สำหรับตลาดในประเทศไทย” นายนพพล กล่าวเสริม
สอบถามข้อมูลประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :
นภัสนันท์ พันพึ่ง , เบญจมาภรณ์ บำราพรักษ์
FLIRT CO.LTD