กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--เวิรฟ
ถ้าถามน้องๆ ว่ารู้จักหนังสือ “สารานุกรมไทย” ไหม? เชื่อได้ว่าทุกคนต้องตอบว่ารู้จักอย่างแน่นอน เพราะเป็นหนังสือที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นหนังสือที่รวบรวมสาระความรู้ด้านวิชาการไว้ครบทุกแขนง สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี นับเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับประชาชนทั่วไปในการเพิ่มพูนปัญญาและพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าสารานุกรมไทยเป็นแหล่งความรู้ที่เกิดจากคนไทย เพื่อประโยชน์แก่คนไทยอย่างแท้จริง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของสารานุกรม พระองค์จึงมีพระราชดำริโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานในการจัดทำหนังสือสารานุกรมขึ้น โดยทรงมุ่งหวังให้สารานุกรมนี้เป็นหนังสือที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชน และส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีความรู้ขั้นพื้นฐานในศาสตร์สาขาวิชาต่างๆ โดยสารานุกรมแต่ละเล่มจะมีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมกับเยาวชนแต่ละระดับ คือ เด็กรุ่นเล็ก เด็กรุ่นกลาง และเด็กรุ่นใหญ่รวมถึงผู้ใหญ่ที่สนใจ
ปัจจุบันสารานุกรมไทยมีทั้งหมด 35 เล่ม หลักการในการเลือกเรื่องที่จะนำมาเผยแพร่ในสารานุกรมนั้น จะเลือกเรื่องที่เป็นรากฐานของสิ่งต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งความเจริญ ความก้าวหน้า และความมั่นคงทางวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง รวมไปถึงการศึกษาของประเทศไทย รวมไปถึงเรื่องที่ใกล้ตัว ที่น่ารู้และเป็นประโยชน์จากหลากหลายสาขาวิชา เช่น ศิลปะการทอผ้าไทย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ขบวนพยุหยาตรา ศาสนาและระบบความเชื่อในประเทศไทย การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การถนอมผลิตผลการเกษตร เลือดและธนาคารเลือดในประเทศไทย ประวัติและพัฒนาการเกี่ยวกับจำนวน และคลื่นสึนามิ เป็นต้น
หนังสือสารานุกรมไทยเป็นหนังสือชุดที่มีประโยชน์ต่อเด็กๆ และเยาวชนไทยมาก โดยใช้เป็นแหล่งการเรียนรู้และพัฒนาความรู้ความสามารถได้ด้วยตัวเอง แต่เด็กๆ เหล่านั้นกลับมีโอกาสเข้าถึงสารานุกรมได้น้อยกว่าที่ควร ดังนั้นมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยจึงได้สานต่อกิจกรรม “One by One: เปิดโลกกว้างทางปัญญา”
ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนไทยให้มีความเป็นเลิศทางปัญญา ภายใต้แนวคิด “เปิดโลกกว้างทางปัญญากับสารานุกรมไทย” ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของโครงการในปีนี้ โดยมูลนิธิได้มอบหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งฉบับใหญ่และฉบับการเรียนรู้รวม 35 เล่มแก่ห้องสมุดแอมเวย์และห้องสมุดทั่วไป 36 แห่ง โดยมุ่งหวังที่จะเผยแพร่วิชาการแขนงต่างๆ ที่ควรศึกษาแก่เยาวชนให้แพร่หลายและทั่วถึง
นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด และกรรมการมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยเปิดเผยว่า “มูลนิธิแอมเวย์ได้ดำเนินการเพื่อเด็กและเยาวชนมายาวนาน และที่ผ่านมาทั้งบริษัทและมูลนิธิก็ได้ให้ความช่วยเหลือเด็กไปแล้วกว่า 200,000 คน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแอมเวย์ได้ทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมมากมาย ซึ่งสิ่งนี้ได้กลายมาเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่พวกเรายึดมั่นมาโดยตลอดจนกลายมาเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจแอมเวย์และพนักงานที่ได้ลละเวลาและกำลังทรัพย์เพื่อร่วมกันทำงานสาธารณประโยชน์ โดยในปี 2552 สามารถนับจำนวนชั่วโมงที่ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมได้มากกว่า 14,200 ชั่วโมง”
“มูลนิธิแอมเวย์มีแนวคิดที่จะสานต่อพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระราชประสงค์ให้จัดตั้งโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแผยแพร่วิชาการความรู้ในศาสตร์ต่างๆ แก่เยาวชนให้แพร่หลายและทั่วถึง เพื่อที่เยาวชนจะได้นำความรู้นั้นๆ มาช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นกิจกรรม “One by One: เปิดโลกกว้างทางปัญญา” ในปีนี้จึงดำเนินตามแนวคิด”เปิดโลกกว้างทางปัญญากับสารานุกรมไทย” โดยจะมอบหนังสือสารานุกรมไทยฉบับใหญ่และฉบับการเรียนรู้รวม 35 เล่มแก่ห้องสมุดแอมเวย์และห้องสมุดทั่วไป 36 โรงเรียน และนอกจากนี้มูลนิธิแอมเวย์ได้จัดกิจกรรมเพื่อรับบริจาคหนังสือสำหรับเด็กและเยาวชน ทั้งหนังสือใหม่และหนังสือมือสองเพื่อมอบแก่โรงเรียนที่ห่างไกลและขาดแคลนด้วย คาดว่าในปีนี้จะมีเด็กไทยที่ได้รับประโยชน์จากกิจกรรมนี้กว่า 15,000 คน”
เสียงสะท้อนของผู้ได้รับประโยชน์จากสารานุกรมไทย
ร้อยโทยุวฤทธิ์ หลาทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนายาว จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า “ทางโรงเรียนรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมากที่มูลนิธิแอมเวย์ได้มอบสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างสารานุกรมสำหรับเยาวชนให้แก่เด็กด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาร โดยสารานุกรมเหล่านี้นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนในห้องเรียนไม่ว่าจะเป็นวิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ รวมถึงความรู้ใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์แล้วนั้น สารานุกรมยังเป็นแหล่งความรู้ชั้นดีสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของเด็กอีกด้วย อาทิ ความรู้เรื่องพืชพรรณต่างๆ สัตว์ชนิดต่างๆ เป็นต้น เด็กๆ สามารถเรียนรู้โลกกว้างใบนี้ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล ซึ่งนับว่าเป็นสื่อการศึกษาและการเรียนรู้ชีวิตที่ดีอีกสื่อหนึ่งสำหรับการพัฒนาตนเองของเด็กๆ โดยหวังว่าสารานุกรมดังกล่าวจะมีส่วนช่วยพัฒนาเด็กและเยาวชนโดยรอบพื้นที่ให้เป็นผู้ที่มีความรู้ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของชุมชน รวมทั้งสามารถช่วยพัฒนาชุมชนให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้”
ด.ญ.วราภรณ์ อินใข นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตัวแทนจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนายาว กล่าวว่า “รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้รับหนังสือสารานุกรมไทยจากผู้ใหญ่ใจดี พวกหนูจะนำความรู้ต่างๆ ที่ได้รับจากสารานุกรมมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียน การใช้ชีวิตประจำวันและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น รวมถึงยามว่างจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการอ่านสารานุกรมให้มากขึ้น เพราะถือเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่พวกหนูด้วย หนูเชื่อว่าหนังสือที่ดีเป็นเสมือนคลังความรู้ที่จะเปิดโลกกว้างและสร้างโอกาสให้พวกเราได้เดินทางผ่านทางตัวหนังสือไปยังที่ๆ ที่ไม่สามารถเดินทางไปเองได้ โดยส่วนตัวหนูมีความสนใจสารานุกรมหมวดวิทยาศาสตร์เป็นพิเศษ เพราะมีความรู้ใหม่ให้ได้เรียนรู้และเห็นถึงความมหัศจรรย์ของสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ โดยตอนที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ เรื่องโลกของข้าว เนื่องจากครอบครัวหนูมีอาชีพเป็นชาวนา ดังนั้นหนูจึงชอบอ่านเรื่องนี้มาก ซึ่งอ่านแล้วได้ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องข้าว ตั้งแต่การปลูกข้าว วิวัฒนาการของต้นข้าว เป็นต้น โดยความรู้ที่ได้จากการอ่านนี้หนูจะนำไปบอกเล่าให้พ่อแม่ได้ฟังเพื่อเป็นประโยชน์แก่อาชีพของครอบครัว รวมถึงเพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มรายได้จากการทำนาอีกด้วย”
ด.ญ.สุชานันท์ เจื้อจุ้ย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนายาว ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองได้มีโอกาสอ่านหนังสือสารานุกรมหลายเล่ม แต่เล่มที่ถูกใจมากที่สุดนั้นคือเล่มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับจิตรกรรมไทย โดยชื่นชอบเรื่องเกี่ยวกับการวาดลายไทยมากที่สุด เพราะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนวิชาศิลปะได้ โดยสามารถศึกษาลวดลายต่างๆ และวิธีการวาดลายไทยได้มากขึ้น นอกจากนี้ชีวิตในชนบทเป็นชีวิตที่ผูกพันกับวัดและศาสนา การได้เรียนรู้ลวดลายไทยต่างๆ จากสารานุกรมมาก่อนแล้วนั้น ทำให้เวลาไปทำบุญที่วัด ตนสามารถสังเกตและแยกแยะลาดลายต่างๆตามโบสถ์วิหารได้ ถือว่าเป็นประโยชน์มากทีเดียว”
เป็นที่น่ายินดียิ่งที่มูลนิธิแอมเวย์ได้มีโอกาสตอบแทนสังคมด้วยการให้ที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ การได้เปิดโลกกว้างให้กับเยาวชนไทยด้วยการมอบความรู้และโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กๆ เพื่อที่เยาวชนเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการร่วมพัฒนาชาติ การมอบหนังสือสารานุกรมไทยเป็นเหมือนการให้ขุมทรัพย์ที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดๆ เพราะเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในสารานุกรมแต่ละเล่มนั้นได้ครอบคลุมความรู้ในศาสตร์ทุกแขนงไว้อย่างครบถ้วน เพื่อที่เยาวชนจะสามารถนำความรู้นั้นมาแตกยอด เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง และใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันได้อย่างเป็นปกติสุข
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ เวิรฟ:
วรญา มณีวรรณ (เพชร) โทร.0-2204-8229
พรชนันท์ มงคลกุล (กิฟท์) โทร.0-2204-8223