กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--ตลท.
สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงาน SET Note Quarterly Corporate Update ไตรมาส 2/2553 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิ 126.22 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2552 แต่ลดลงจากไตรมาส 1/2553 จากปัจจัยเฉพาะในกลุ่มทรัพยากรและปัญหาความไม่สงบทางการเมืองที่กระทบกับธุรกิจบริการเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน รวมทั้งจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิมีสัดส่วนสูงขึ้นและการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ สะท้อนว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนยังมีทิศทางขยายตัวสอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ไตรมาส 2/2553 บริษัทจดทะเบียนมีรายได้รวมปรับสูงขึ้น สอดคล้องกับการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยบริษัทจดทะเบียน (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) มีกำไรสุทธิ 126.22 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มทรัพยากรมีกำไรสุทธิปรับลดลงมาก จากผลกระทบในการบริหารสต๊อกน้ำมันดิบและอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรสุทธิของกลุ่มทรัพยากร ภาพรวมของบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22.88% จากไตรมาส 2/2552
นอกจากนี้ พบว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีการฟื้นตัวในลักษณะที่กระจายตัวมากขึ้น สะท้อนจากจำนวนบริษัทจดทะเบียน 395 บริษัทที่มีผลกำไรสุทธิ คิดเป็น 78.53% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 73% ในไตรมาส 2/2552
สำหรับการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2553 กับไตรมาส 1/2553 (ไม่รวมกลุ่มการเงินและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) มีกำไรสุทธิลดลง 25.66% จาก 102.77 พันล้านบาท เป็น 95.00 พันล้านบาท เป็นผลมาจากกลุ่มทรัพยากรและกลุ่มธุรกิจบริการมีกำไรสุทธิปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการบริหารสต๊อกน้ำมันดิบของกลุ่มทรัพยากร และกลุ่มธุรกิจบริการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ สะท้อนจากบริษัทจดทะเบียนมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ด้านดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (ไม่รวมกลุ่มการเงิน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) ในไตรมาส 2/2553 มีระดับใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) 3.26% และมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (ROA) อยู่ที่ 2.55% ขณะที่มีฐานะทางการเงินอยู่ในเกณฑ์มั่นคงและสามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงปี 2551-2552 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2553 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 1.14 เท่า ขณะที่อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) อยู่ที่ 6.34 เท่า จาก 1.17 เท่า และ7.99 เท่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ
ด้านการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/2553 (ไม่รวมกลุ่มการเงินและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) มีมูลค่า 88.82 พันล้านบาท ลดลง 7.27% จากไตรมาส 2/2552 เนื่องจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มธุรกิจบริการที่เสร็จสิ้นลง อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 18.34% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2553 รวมถึงสัดส่วนของบริษัทจดทะเบียนที่มีการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 92.02% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด จาก 90.51% ในไตรมาสก่อนหน้า
ด้านการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและการปรับสูงขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2553 เป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 2/2553 มีมูลค่าระดมทุนรวม 38.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 เท่า จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากไตรมาส 1/2553 ทั้งนี้ แยกเป็นการระดมทุนจากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ 2 บริษัท และ 1 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวม 2.12 พันล้านบาท ขณะที่มีการระดมทุนในตลาดรองของ SET และ mai มูลค่ารวม 36.32 พันล้านบาท
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.set.or.th/setresearch/setresearch หรือสอบถามข้อมูลที่ S-E-T Call Center โทร. 0 2229 2222