กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--เอไอเอส
คุณสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส
สวัสดีครับท่านสื่อมวลชนที่รัก ขอบคุณที่มาในวันนี้ เมื่อวานนี้บริษัทได้รับแจ้งจากกระทรวง ICT ให้ไปร่วมประชุมเกี่ยวกับเรื่องการมีการดักฟังโทรศัพท์ซึ่งบริษัทได้จัดเจ้าหน้าที่ ผู้บริหารไปร่วมประชุม ถือโอกาสนี้เรียนให้ท่านได้ทราบข้อมูล
ประการแรก อยากเรียนให้ทราบถึงนโยบายและหลักปฏิบัติที่ประกอบกิจการบริการโทรคมนาคม การประกอบกิจการให้บริการโทรคมนาคมโดยมาตรฐานต้องปฏิบัติให้เคร่งครัด เพราะเป็นเรื่องของความอยู่รอดของบริษัทในการดำรงธุรกิจในอนาคต คือ เรื่องความปลอดภัยในการส่งข้อมูลข่าวสารของผู้ใช้บริการ บริษัทเป็นผู้ให้บริการ ทำหน้าที่เป็นเพียงส่งผ่านข้อมูลเท่านั้น และสิ่งนี้บริษัทต้องยึดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผู้ให้บริการในการที่ต้องสร้างความมั่นใจของผู้ใช้บริการเรื่องความปลอดภัย บริษัทผู้ให้บริการเปรียบเหมือนคนทำถนน ทำทางด่วน ผู้ใช้บริการคือผู้ใช้ยานพาหนะวิ่งบนถนน ผู้ใช้จะเอาอะไรมาวิ่งหรือขนอะไรจขึ้นอยู่กับผู้ใช้บริการ บริษัทไม่มีหน้าที่ข้องกี่ยวด้วย อันนี้เป็นอุปมาอุปมัย และถือเป็นหลักสำคัญของบริษัท ซึ่งบริษัททำธุรกิจโดยยึดมั่นในหลักนี้ในทุกที่
ประการที่สอง เจตนารมณ์ของบริษัทคือ เราเป็นบริษัทที่อยู่ในธรรมาภิบาล เราต้องการเป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมายให้ครบถ้วน และเป็นพลเมืองดีของประเทศ ดังนั้น เมื่อมีกรณีดักฟังที่เป็นข่าวเกิดขึ้นจริง และได้มีประกาศ กทช. ประกาศ คปค. ซึ่งห้ามเรื่องนี้ บริษัทยึดมั่นปฏิบัติตาม ราชการบอกว่า ถ้าพบผู้ใดไปทำการดักฟังจะต้องทำการถอนใบอนุญาต ดำเนินทางกฎหมาย บริษัทเห็นด้วยโดยสมบูรณ์ ขอให้ดำเนินการไปตามนั้น ไม่ว่าจะถอนใบอนุญาตหรือจะดำเนินการทางกฎหมายใด นี่คือสิ่งที่บริษัทยึดถืออยู่
อีกเรื่องคือบริษัทตั้งอยู่ในหลักดังกล่าวแล้ว การนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมทั้งหลาย ต้องมีใบอนุญาต การนำเข้าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง บริษัทไม่เคยนำเข้าหรือครอบครองอุปกรณ์เหล่านั้น สิ่งเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้ บริษัทจะมีบัญชีรายการอุปกรณ์นำเข้าทั้งหลาย จะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ เมื่อไม่ได้นำเข้าอุปกรณ์ไม่มีสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ถึงแม้ว่าทางทฤษฎีดักฟังได้ แต่ขาดอุปกรณ์ก็ทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ บริษัทไม่มีความสามารถกระทำการต่างๆ เหล่านี้ บริษัทได้สอดส่องดูแล ได้จัดเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงตรวจสอบ ไม่พบ และจะติดตาม โดยตั้งหลักว่าถ้ามีพบการจัดทำ นโยบายของบริษัทคือจะดำเนินการทางวินัย ไล่ออกและดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการของเรา
ในการดำเนินธุรกิจองค์ประกอบมี 2 องค์ คือ ตัวบริษัท องค์กรและตัวพนักงาน ผู้บริหาร ท่านอื่นๆ ในห้อง เป็นพนักงานบริษัท มีสภาวะเหมือนกันคือเป็นลูกจ้าง ทำงานให้บริษัท ต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกฎหมาย ปฏิบัติตามข้อบังคับ กฎระเบียบต่างๆ กลต.
และอีกองค์ประกอบคือ ผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่ใช่เรา คนที่ทำธุรกิจคือพนักงาน ในการดำเนินธุรกิจคือพวกเราทำไปตามกรอบของกฎหมาย ถ้ามีผู้ถือหุ้นมาสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศ เราจะทำตาม คำสั่งที่เป็นภัยต่อประเทศเราจะไม่ทำ เราทุกคนเป็นคนไทยหมด พวกเรารักประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราไม่ทำ และตั้งใจจะแจ้งให้ราชการทราบทันที ทุกคนในที่นี้ยืนยัน เรามีความรู้สึกอันเดียวกัน เราตั้งใจให้ความร่วมมือกับประเทศอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ทำงานมายังไม่มีคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้ามีในอนาคตจะรีบไปแจ้งราชการทันที ไม่เฉพาะผม พนักงานทุกคนจะทำและร่วมมือหลายๆ คนในบริษัทเคยเป็นทหาร ผมเคยรับราชการทหาร ข้อแรกที่ปฏิณานตน ข้าพเจ้าจะยอมตายเพื่ออิสรภาพและความสงบสุขของประเทศ เราไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องรีบแจ้งหน่วยราชการทันที
ในที่สุดบริษัทเรียนว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลและกระทรวงในการตรวจสอบ ถ้าพบจะถอนใบอนุญาต บริษัทให้ความร่วมมือและ มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ บริษัทขอให้ความมั่นใจกับผู้ใช้บริการทุกคน ขอบคุณครับ
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net