กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--ไอบีเอ็ม
ซีอีโออาเซียนคาดการณ์ความซับซ้อนเพิ่มขึ้นในอนาคต เร่งกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ มุ่งเสริมสร้างทักษะของบุคลากร
ไอบีเอ็มร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานเสวนา “The 2010 CEO Study Launch: Capitalizing on Complexity” ซึ่งรายงานผลการสำรวจ “IBM Global CEO Study 2010” ที่ได้รวบรวมความคิดเห็นของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กว่า 1,500 คน จาก 60 ประเทศ และ 33 เขตอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งผลสำรวจชี้ว่าผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้เห็นพ้องต้องกันว่าความคิดสร้างสรรค์คือปัจจัยสำคัญที่จะนำพาสู่ความสำเร็จท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต โดยปัจจัยดังกล่าวนับว่ามีความสำคัญมากกว่าความเข้มงวด วินัยในการบริหารจัดการ คุณธรรม หรือแม้กระทั่งวิสัยทัศน์ การเสวนาจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 8 กันยายน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมรับฟังข้อมูล กว่า 100 ราย
ที่ปรึกษาจากกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาของไอบีเอ็มได้สัมภาษณ์ผู้บริหารเป็นรายบุคคล และพบว่าไม่ถึงครึ่งหนึ่งของซีอีโอทั่วโลกเชื่อว่าองค์กรของตนเองมีความพร้อมในการรับมือกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนและมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ซีอีโอเหล่านี้ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งในเรื่องของกฎระเบียบใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงศูนย์กลางอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก การปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รสนิยมและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลการสำรวจความคิดเห็นระบุว่า การกระตุ้น “ความคิดสร้างสรรค์” ทั่วทั้งองค์กรจะช่วยให้สามารถรับมือกับความท้าทายทั้งหมดนี้
กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของซีอีโอทั่วโลกเชื่อว่า การปฏิรูปอุตสาหกรรมถือเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอน และผลการสำรวจชี้ว่า องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องคิดค้นหนทางใหม่ๆ สำหรับการจัดการโครงสร้างองค์กร การเงิน บุคลากร และกลยุทธ์
นอกจากนี้ ผลการศึกษายังเผยให้เห็นถึงความคิดที่แตกต่างอย่างมากระหว่างซีอีโอในเอเชีย ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยนับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารภาครัฐและภาคเอกชนในแต่ละภูมิภาคมีทัศนะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเช่นนี้
"หลังจากที่ผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยและต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติครั้งใหม่ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง บรรดาผู้บริหารซีอีโอมีความเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้นำ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในอนาคต” ธันวา เลาหศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าว "ถ้าหากเราหยุดคิดสักนิดหนึ่ง ก็จะพบว่าประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งต่อองค์กรที่จะต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเสมือนกับระบบขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมโยงถึงกันอยู่ตลอดเวลา"
ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ร่วมจัดการเสวนา กล่าวว่า จากความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการสื่อสาร ทำให้การทำธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเห็นว่าข้อมูลผลสำรวจ “IBM Global CEO Study 2010” และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากการเสวนาครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ในด้านการพัฒนาแนวคิดเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และการบริหารจัดการองค์กรภายใต้ปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนกิจกรรมที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่องไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาตลาดทุนไทยให้เติบโต เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อันจะส่งผลให้เกิดความน่าสนใจในการเข้ามาร่วมลงทุนของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
การจัดการกับความซับซ้อน
ซีอีโอที่ได้รับการสัมภาษณ์บอกกล่าวกับไอบีเอ็มว่า สภาพธุรกิจในปัจจุบันมีความผันผวน ไม่แน่นอน และมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ซีอีโอ 8 ใน 10 คนคาดหมายว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจจะซับซ้อนขึ้นอย่างมาก แต่มีเพียงแค่ 49 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อว่าองค์กรของตนเองพร้อมที่จะรับมือกับความซับซ้อนที่ว่านี้ ซึ่งนับเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้บริหารจากผลการศึกษาวิจัยที่ไอบีเอ็มดำเนินการมานานถึง 8 ปี
ผู้บริหารระดับซีอีโอระบุว่า นอกเหนือจากความซับซ้อนของโลกที่มีการเชื่อมโยงถึงกันอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารเหล่านี้คาดหมายว่ารายได้จากช่องทางใหม่ๆ จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า และผู้บริหาร 76 เปอร์เซ็นต์คาดการณ์ว่าพลังทางเศรษฐกิจจะเปลี่ยนย้ายไปสู่ตลาดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
จากผลการศึกษา 4 ครั้งล่าสุด พบว่าผลกระทบของเทคโนโลยีที่องค์กรต่างๆ ได้รับมีความสำคัญเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 6 เป็นอันดับที่ 2 ซึ่งเผยให้เห็นว่าผู้บริหารระดับซีอีโอเข้าใจว่าเทคโนโลยีและความเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกคือปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความสลับซับซ้อนที่เราต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และผู้บริหารเหล่านี้ต้องการคำตอบที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อให้ประสบความสำเร็จในโลกที่มีการเชื่อมโยงถึงกันอย่างกว้างขวาง
ผลการศึกษานี้เน้นย้ำถึงคุณลักษณะขององค์กรที่มีผลประกอบการดีเยี่ยม โดยพิจารณาจากรายได้และผลกำไรในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รวมถึงช่วงเศรษฐกิจขาลงไว้ดังนี้
- องค์กรที่มีผลประกอบการดีเยี่ยมมีแนวโน้มที่จะดำเนินการตัดสินใจอย่างรวดเร็วกว่าองค์กรอื่นๆ 54 เปอร์เซ็นต์ ผู้บริหารซีอีโอระบุว่าตนเองกำลังเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อแนวคิดใหม่ๆ อย่างฉับไว เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงเชิงลึกที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร
- 95 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่มีผลประกอบการดีเยี่ยม มีความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยอาศัยช่องทางใหม่ๆ อาทิ เว็บ ช่องทางอินเทอร์แอคทีฟ และสื่อทางสังคม เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและประชาชน ผู้บริหารเหล่านี้มองการขยายตัวของข้อมูลและกระแสข้อมูลที่ไหลเวียนทั่วโลกเป็นโอกาส มากกว่าที่จะเป็นภัยคุกคาม
- เป็นที่คาดหมายว่าองค์กรที่มีความคล่องตัวในการดำเนินงานมากกว่าจะสามารถคว้าส่วนแบ่งรายได้ในอนาคตจากช่องทางใหม่ๆ ได้มากกว่าองค์กรอื่นๆ อย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์
ความคิดสร้างสรรค์และทักษะของบุคลากรคือวาระสำคัญสำหรับซีอีโอในอาเซียน
ผลการสำรวจความคิดเห็นโดยรวมสำหรับภูมิภาคอาเซียนมีลักษณะคล้ายคลึงกับผลการสำรวจทั่วโลก โดยซีอีโอส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และนอกจากนี้ ซีอีโอในอาเซียนยังเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์คือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้นำในอนาคต
ในภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ผู้บริหารซีอีโอเห็นพ้องต้องกันว่าการปฏิรูปอุตสาหกรรมและปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 2 ปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อองค์กรของตนในช่วง 5 ปีข้างหน้า แต่ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในส่วนของปัจจัยที่ 3 โดยซีอีโอในอาเซียนจัดอันดับให้การขาดแคลนบุคลากรคุณภาพมากกว่าซีอีโอทั่วโลก ทั้งนี้ เพราะตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงในอาเซียน รวมถึงอินเดียและบราซิล มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงประสบภาวะขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ
ซีอีโอทั่วโลกและในอาเซียนพยายามที่จะเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อรับมือกับสภาวะทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ด้วยการปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกและเทคโนโลยี ซีอีโอในอาเซียนให้ความสำคัญมากกว่ากับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังสำหรับผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางใหม่ๆ นอกจากนี้ซีอีโอในอาเซียนยังระบุว่าทักษะของบุคลากรเป็นแง่มุมสำคัญที่สุดที่จะต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ทั้งซีอีโอทั่วโลกและซีอีโอในอาเซียนต่างเห็นพ้องต้องกันถึงความจำเป็นในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ภายในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่ว่านี้ในการติดต่อประสานงานกับลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน ที่จริงแล้วความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในส่วนนี้ ซีอีโอในอาเซียนให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องความยั่งยืนมากกว่าซีอีโอทั่วโลก โดยนับเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเป็นอับดับที่สองสำหรับซีอีโอในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ซีอีโอในอาเซียนมีความสามารถในการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม และดังนั้นจึงสนับสนุนการรักษาสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งซีอีโอทั่วโลกและซีอีโอในอาเซียนระบุว่าคุณธรรมคือคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้นำ
เกี่ยวกับการสำรวจความคิดเห็นซีอีโอทั่วโลกประจำปี 2010 ของไอบีเอ็ม
ผลการศึกษานี้เป็นฉบับที่สี่ในชุดผลการสำรวจความคิดเห็น Global CEO Study ซึ่งจัดทำขึ้นทุกสองปี เพื่อที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาท้าทายและเป้าหมายของผู้บริหารระดับซีอีโอในปัจจุบัน ที่ปรึกษาของไอบีเอ็มจึงได้พบปะพูดคุยโดยตรงกับผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยในช่วงเดือนกันยายน 2009 ถึงมกราคม 2010 ไอบีเอ็มได้สัมภาษณ์ซีอีโอ, ผู้จัดการทั่วไป และผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานภาครัฐ 1,541 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจากองค์กรหลายๆ ขนาดใน 60 ประเทศ และ 33 เขตอุตสาหกรรม
หากต้องการดูรายละเอียดของผลการศึกษาทั้งหมด รวมถึงกรณีศึกษา โปรดเยี่ยมชม: http://www.ibm.com/ceostudy
ร่วมสนทนาเกี่ยวกับความเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดได้ที่: http://smarterleaders.tumblr.com/
*******************
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย:
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ฝ่ายพัฒนาบริษัทจดทะเบียน
คุณอังคณา สุทธาชัย โทร. 02 229 2013 และ 2018
อีเมล์: angkana@set.or.th
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
คุณกมลวรรณ มักการุณ
โทรศัพท์: 02-273-4889
อีเมล: kamolwan@th.ibm.com