กรุงเทพฯ--13 ก.ย.--สพร.
“Muse Mobile พิพิธภัณฑ์ติดล้อ” โดย สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ซึ่งได้ดำเนินโครงการไปแล้วใน 3 จังหวัดภาคเหนือ คือ จ.ลำปาง จ.น่าน และ จ.พิษณุโลก และเพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้สู่ภาคใต้ จึงกำหนดให้มีการดำเนินโครงการนี้อีกครั้งร่วมกับเทศบาลนครตรัง ระหว่างวันที่ 4 กันยายน 2553 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2554 ณ บริเวณหน้าโรงพลศึกษา 4,000 ที่นั่ง สนามกีฬาทุ่งแจ้ง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่จะบ่มเพาะเด็กและเยาวชนไทยให้เป็นผู้ใฝ่รู้ อันจะนำไปสู่การสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
นายชาลี กางอิ่ม นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวว่า จ.ตรัง ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในเขตภาคใต้ มากไปด้วยแหล่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติของทะเลที่สวยงามน่าท่องเที่ยว เป็นโอกาสอันดีที่ชาว จ.ตรัง และจังหวัดใกล้เคียง จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยผ่าน Muse Mobile พิพิธภัณฑ์ติดล้อ ระหว่างวันที่ 4 กันยายน 2553 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2554 ณ บริเวณหน้าโรงพลศึกษา 4,000 ที่นั่ง สนามกีฬาทุ่งแจ้ง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ตามนโยบายของจังหวัดที่ต้องการบ่มเพาะเยาวชนไทยเติบโตเป็นผู้ใหญ่คุณภาพ โดยโครงการนี้ร่วมกับสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ภายใต้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีทุกวัน
นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กล่าวว่า “Muse Mobile พิพิธภัณฑ์ติดล้อ” คือ นิทรรศการในตู้คอนเทนเนอร์ สามารถเคลื่อนย้ายและติดตั้งได้ในทุกพื้นที่ โดยมีความคิดสร้างสรรค์ แปลก ใหม่ ทันสมัย ที่ถอดแบบมาจากนิทรรศการ เรื่อง “เรียงความประเทศไทย” ของ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ กรุงเทพฯ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของประเทศไทย จัดแสดงแบบ “ย่อส่วน” อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ 4 ตู้ 4 หัวข้อ คือ อะไรคือไทยแท้? สุวรรณภูมิอยู่ที่ไหน? กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา และจุดเปลี่ยนของประเทศไทย นอกจากนั้น ยังมีลานกิจกรรมให้ได้เรียนรู้อย่างเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับ “สุวรรณภูมิ” และ “คนไทย” มากยิ่งขึ้น
พบกับ “Muse Mobile พิพิธภัณฑ์ติดล้อ” วันที่ 4 กันยายน 2553 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2554 ณ บริเวณหน้าโรงพลศึกษา 4,000 ที่นั่ง สนามกีฬาทุ่งแจ้ง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เวลา 10.00 — 18.00 น. เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี ติดต่อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 225 2777 และ เว็บไซต์ www.ndmi.or.th