บีโอไอเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นต่างชาติ นักลงทุนชูไทยยังครองแชมป์ฐานผลิตสำคัญ

ข่าวทั่วไป Monday September 13, 2010 17:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ก.ย.--บีโอไอ บีโอไอรายงานผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ประจำปี 2553 นักลงทุน คงอัตราความเชื่อมั่นในทุก ๆ ด้านของไทยสูงกว่าระดับปี 2552 และร้อยละ 50 ยังยืนยันรักษาระดับการลงทุนในช่วงปี 2553-2554 ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานพุ่ง ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเตรียมแผนขยายการลงทุนในปีหน้ามูลค่ากว่า 131,535 ล้านบาท ด้านตัวเลขยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 8 เดือน มูลค่า 269,000 ล้านบาท นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้รับทราบรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ประจำปี 2553 ซึ่งบีโอไอได้สำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย ครอบคลุมบริษัทที่ได้รับและไม่ได้รับส่งเสริมการลงทุน ช่วงเดือน กุมภาพันธ์-กรกฏาคม 2553 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 686 บริษัท พบว่า นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในไทย มีระดับความเชื่อมั่นในทุก ๆ ด้าน สูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลประกอบการ มีระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ร้อยละ 71.9 ปรับเพิ่มขึ้นจากดัชนีความเชื่อมั่นปี 2552 ที่มีเพียงร้อยละ 41.5 โดยนักลงทุนกว่าร้อยละ 50 วางแผนรักษาระดับการลงทุนในประเทศไทยช่วงปี 2553-2554 ต่อไป และมองว่าในปี 2554 จะยิ่งดีขึ้น ในขณะที่นักลงทุนร้อยละ 45.1 มีแผนขยายกิจการในประเทศไทยเพิ่มเติม เนื่องจากมีความเชื่อมั่นต่อสิทธิและประโยชน์ของการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการสนับสนุนอื่น ๆ ของภาครัฐ มั่นใจต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย มีอัตราค่าจ้างที่เหมาะสม และเมื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยกับ 6 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และจีน นักลงทุนมองว่าไทยมีความสามารถในการแข่งขันทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในรูปแบบของระบบขนส่ง สาธารณูปโภค บริการสื่อสาร และการจัดการด้าน โลจิสติกส์ ดีกว่าในทุกๆด้าน อย่างไรก็ตามมีผู้ประกอบการร้อยละ 3.7 ที่มีแผนลดขนาดการลงทุนลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และประเมินว่าตลาดในประเทศไทยมีขนาดเล็ก “ช่วงเวลาการสำรวจเกิดขึ้นก่อนและหลังเหตุชุมนุมทางการเมือง ดังนั้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เกิดขึ้นนั้น จึงแสดงให้เห็นได้ว่าแม้ประเทศไทยจะมีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง แต่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และศักยภาพของประเทศไทยที่เป็นแหล่งรองรับการลงทุนจากต่างชาติได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามมีข้อเสนอจากนักลงทุนบางส่วนต้องการให้ปรับปรุงการบริหารระบบราชการและยกเลิกขั้นตอนต่างๆ ที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งหน่วยงานต่างๆ จะได้นำไปพิจารณาหาแนวทางแก้ไขต่อไป” นายชัยวุฒิ กล่าว ผลสำรวจพบการจ้างงานเพิ่มขึ้น นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่าบีโอไอ ยังได้รายงานผลสำรวจภาวะการจ้างงาน การผลิต และการจำหน่าย ของบริษัทขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ และมีมูลค่าเงินลงทุนของทุกโครงการรวมกันตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไป รวม 400 บริษัท โดยผลสำรวจ ณ เดือนกรกฎาคม 2553 พบว่า บริษัทต่างๆ ในทุกอุตสาหกรรม จ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งในส่วนของพนักงานประจำ และพนักงานOutsource และในช่วง 6 เดือนจากนี้ มี 209 บริษัท หรือกว่าร้อยละ 52 จะจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่มีบริษัทวางแผนจะขยายการลงทุนในปี 2554 จำนวน 97 บริษัท มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 131,535 ล้านบาท กระจายในทุกอุตสาหกรรม ภาวะลงทุน 8 เดือนยังแรง นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ กล่าวถึงภาวะการขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-สิงหาคม 2553) มีทั้งสิ้น 949 โครงการ เงินลงทุนรวม 269,000 ล้านบาท โดยปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ที่มีจำนวน 652 โครงการ ในขณะที่มูลค่าเงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปี 2552 ที่มีมูลค่าเงินลงทุน 240,000 ล้านบาท โดยกิจการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าชธรรมชาติ และพลังงานทดแทน ชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 8 เดือน มีทั้งสิ้น 527 โครงการ มูลค่ารวม 122,151 ล้านบาท โดยโครงการปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 29.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 407 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.2 จากช่วงเดียวกันปี 2552 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 85,267 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.5 ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นยังเป็นกลุ่มที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุด มีมูลค่าถึง 49,723 ล้านบาท รองลงมาเป็น สเปน สิงคโปร์ ตามลำดับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ