กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--กระทรวงพลังงาน
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงานสัมมนา "โครงการมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานและส่งเสริมการจำหน่ายเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ณ โรงแรมดิเอ็มเมอรัล
ดร.ปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า "กระทรวงพลังงานมีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้จัดทำกำหนดมาตรฐานการประหยัดพลังงานในเครื่องจักร/ อุปกรณ์ /เครื่องยนต์ รวมทั้งการติดฉลากอุปกรณ์ที่ได้กำหนดมาตรฐานไว้แล้ว พร้อมทั้งปลูกฝังให้เกิดการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า
โดยกระทรวงพลังงานได้จัดทำแผนการดำเนินการระยะ 5 ปี (2550-2554) ในการออกกฎกระทรวงฯครอบคลุม 35 ผลิตภัณฑ์ รวมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็ก พร้อมกำหนดร่างมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ และดำเนินการติดฉลากประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้หากได้มีการดำเนินการตามแผนแล้ว จะสามารถประหยัดพลังงานคิดเป็นมูลค่า 9,000 ล้านบาทต่อปี เทียบเท่า 493,000 ตันน้ำมันดิบ ซึ่งในเบื้องต้น ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีร่างแล้วเสร็จพร้อมที่จะนำเสนอแก่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)เห็นชอบ จำนวน 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่เครื่องปรับอากาศ , ตู้เย็น ,เครื่องทำน้ำเย็นสำหรับใช้ในเครื่องปรับอากาศ(Chiller), กระจกเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน, พัดลม ซึ่งหาก กพช.เห็นชอบก็จะเสนอร่างกฎกระทรวงฯให้ ครม. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาต่อไป"....
นายพานิช พงศ์พิโรโดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "สำหรับโครงการมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานและส่งเสริมการจำหน่ายเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ในปีนี้ พพ.จะดำเนินการทบทวนร่างกฎระยะที่ 1จำนวน 11 ผลิตภัณฑ์ และทบทวนพร้อมส่งเสริม(ติดฉลาก) 2 ผลิตภัณฑ์ และจะทบทวนระยะที่ 2 อีก 11 ผลิตภัณฑ์ โดยผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการนี้ผู้ประกอบการจะได้รับทราบการออกกฎกระทรวง แนวทางการส่งเสริมเพื่อวางแผนการผลิตสินค้า สำหรับประชาชนผู้บริโภค จะมีความรู้ความเข้าใจสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง เกิดผลปฏิบัติอย่างจริงจัง ปลูกฝังให้เกิดการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า
ทั้งนี้ ในสภาวะที่โลกกำลังตื่นตัวกับปัญหาพลังงานและภาวะโลกร้อน โครงการดังกล่าวจึงเป็นทางออกสำคัญในการที่จะช่วยแก้ปัญหา โดยจากการประเมินการประกาศกฎกระทรวงระยะที่ 1 ทั้ง 11 ผลิตภัณฑ์ในปีนี้ จะมีส่วนช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ยปีละ 690 ล้านหน่วย หรือประมาณ 2,070 ล้านบาท หรือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ยปีละ 4 แสนตันต่อปี โดยในจำนวนนี้การส่งเสริมการผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง สามารถทำให้เกิดผลประหยัดสูงสุด คือ 325 ล้านหน่วยต่อปี".....