กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--เวิรฟ
ด้วยแรงสนับสนุนเพียงคนละไม้ละมือของเราทุกคนทำให้เด็กไทยได้มีโอกาสสานต่อการศึกษา เริ่มต้นจากการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งคลังปัญญา พร้อมดูแลเอาใจใส่ จวบจนเริ่มผลิดอกออกผลกลายเป็นต้นกล้าที่เจริญงอกงาม ดังเช่นนักเรียนทุนของมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย
มูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย ในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ มุ่งเน้นช่วยเหลือเด็กและผู้ด้อยโอกาสในสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เล็งเห็นถึงความสำคัญของความรู้และการศึกษา ซึ่งเปรียบเสมือนอาวุธที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในสังคมปัจจุบัน จึงได้ริเริ่มโครงการมอบทุนการศึกษาต่อเนื่องจนจบปริญญาตรีตามอาชีพที่ใฝ่ฝันแก่เด็กไทยจำนวน 171 ทุน รวมมูลค่า 29 ล้านบาท เมื่อปี 2550 บัดนี้สิ่งที่ได้บ่มเพาะไปเมื่อ 3 ปีก่อนได้มอบผลสำเร็จแห่งการรอคอย นั่นคือ นักเรียนทุนของมูลนิธิแอมเวย์ได้ทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จและกลายเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
นายปรีชา ประกอบกิจ ประธานกรรมการมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย กล่าวว่า “การศึกษาถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเด็กให้เติบโต เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพในวันข้างหน้า ปัจจุบันมีเด็กไทยเป็นจำนวนมากที่อยากศึกษาต่อในระดับสูง แต่ไม่มีโอกาสไปถึงฝั่งฝันเพราะอุปสรรคด้านทุนทรัพย์และสังคม โดยส่วนตัวแล้วก็เป็นคนหนึ่งที่หวังจะเห็นอนาคตของชาติเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งคงไม่ต่างจากความรู้สึกของทุกคนที่ได้ให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กๆ เหล่านี้ เหมือนกับพวกเราได้ร่วมกัน “เพาะต้นกล้า” ให้เติบโตอย่างแข็งแรงและพร้อมที่จะผลิดอกออกผลเพื่อเลี้ยงดูคนในครอบครัวและสังคมไทย เราเชื่อว่าเด็กเหล่านี้เป็นทรัพยากรสำคัญและเป็นอนาคตของชาติเมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่”
ความในใจของนักเรียนทุนถึงผู้ใจบุญ
นายวิเศษ ฟองตา เจ้าของเกียรตินิยมอันดับ 1 บัญชีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ ถึงแม้ร่างกายของเขาอาจไม่สมบูรณ์เหมือนใครเพราะนิ้วขาดแต่กำเนิดและเท้าผิดรูป แต่สิ่งเหล่านั้นมิใช่อุปสรรคในการเรียนของเขา ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น ไม่เคยย่อท้อ พยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคม จนสามารถผลักดันตัวเองเรียนจนสำเร็จในระดับปริญญา นี่คือความรู้สึกจากใจของคนเก่งที่ฝากถึงผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน
“เดิมทีผมฝันและตั้งใจไว้ว่าจะหาทางเรียนให้จบปริญญาตรีให้ได้ จึงพยายามหัดเขียนและฝึกพิมพ์งานเพื่อรับจ้างพิมพ์งานต่างๆ เก็บเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน แต่ก็ลำบากมาก เพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนค่อนข้างสูง พอผมได้รับทุนจากมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย ผมจึงเรียนได้อย่างสบายใจขึ้น มีเวลาทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องค่าเทอมอีก วันนี้ผมมีงานประจำ มีรายได้เลี้ยงตัวเอง ด้วยการเป็นคุณครูผู้ช่วยอยู่ที่ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครนายก เป็นศูนย์พักฟื้นเด็กพิการทุกประเภท ทุน
แอมเวย์ช่วยสร้างชีวิตใหม่ให้กับผม ทำให้ผมเป็นคนมีคุณค่าและมีความเป็นคนมากขึ้น แม้จะเป็นคนพิการและกำพร้า ผมก็มีความหวัง และมีครอบครัวดีๆ อย่างครอบครัวที่แอมเวย์ ซึ่งมีแต่ให้และอบอุ่นเสมอมา ผมขอขอบคุณและบอกจากใจจริงว่า ผมรักครอบครัวแอมเวย์”
นางสาวธันย์ชนก นาควิโรจน์ นักศึกษาปีที่ 4 คณะศิลปศาสตร์ สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกรดเฉลี่ย 3.3 รับทุนแอมเวย์ตั้งแต่ปี 2550 อาชีพที่ฝันอยากเป็น คือ นักการทูต เธอกล่าวว่า “หนูเชื่ออย่างหนึ่งว่าการศึกษาจะดียิ่งหากได้รับทั้งความรู้ ความคิด และความเข้าใจควบคู่กันไป โดยมีอาจารย์ผู้สอนเป็นผู้ชี้แนะให้ลูกศิษย์คิดและเปิดมุมมองใหม่ให้สามารถนำไปต่อยอดได้ นอกจากการเรียนแล้วหนูยังได้แบ่งเวลาทำกิจกรรมด้วย เพราะหนูรู้ว่ามีสิ่งมากมายหลายสิ่งที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากตำราเรียน การได้ทำกิจกรรมทำให้รู้จักตัวเอง รู้จักแบ่งเวลา รู้จักการทำงานเป็นทีม ทำให้เราเติบโตขึ้นด้วยความสำนึกในความรับผิดชอบของตนเองมากขึ้น หนูขอสัญญาว่าจะรับผิดชอบในการดูแลตัวเอง ตั้งใจเรียน เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาที่ได้รับจากพี่ๆ ทุกท่านเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะทุนแอมเวย์คือโอกาสอันดีงามและมีค่าที่สุดของชีวิตหนูขอขอบพระคุณพี่ๆ ผู้ให้การสนับสนุนค่ะ”
นายสุริวงค์ แหวนหล่อ หนุ่มน้อยชาวศรีสะเกษ ที่อาจโชคไม่ดีนักเพราะเกิดมาพร้อมกับความพิการทางดวงตาข้างซ้าย แต่ด้วยความเพียรพยายามโดยหวังว่าวันหนึ่งจะได้เรียนจนจบมหาวิทยาลัยเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัว วันนี้เขาทำได้ โดยสำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตของคณะเกษตรศาสตร์ สาขาสัตวบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ปัจจุบันทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์บางนา ในตำแหน่งพยาบาล ทำหน้าที่ให้การพยาบาลดูแลสัตว์ป่วย ในแต่ละวันก็จะปฏิบัติงานตามตารางเวรที่ได้รับผิดชอบ
“จนถึงวันนี้ผมยังไม่อยากเชื่อว่า หนังสือพิมพ์เก่าๆ ของเจ้าของร้านน้ำแข็งที่ผมไปทำงานหารายได้พิเศษช่วงปิดเทอมและหลังเลิกเรียนเล่มนั้น จะนำผมมาสู่อนาคตที่สดใสในวันนี้ได้ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่เจ้าของร้านน้ำแข็งอ่านจบแล้ว ผมจะขออนุญาตนำมาอ่านต่อช่วงพักหลังทานข้าวเที่ยง แต่วันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ เพราะผมได้อ่านเจอประกาศรับสมัครคัดเลือกนักเรียนทุนในโครงการ “20 ปี แอมเวย์ มอบทุน 20 ล้าน สานฝันเด็กไทย” ของมูลนิธิแอมเวย์ ที่จะมอบทุนการศึกษาต่อเนื่องให้ได้เรียนจนจบปริญญาตรี ผมจึงรีบหากรรไกรมาตัดและส่งจดหมายมาที่มูลนิธิทันที ตอนแรกคิดว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว แต่พอพี่ๆ ที่มูลนิธิแอมเวย์โทรมาแจ้งข่าวดีว่าได้รับทุน รู้สึกตื่นเต้นมาก ดีใจที่สุด ไม่อยากเชื่อเลยว่าจดหมายที่ผมส่งไปจะมอบชีวิตใหม่ให้กับผม ทำให้ความหวังความฝันที่อยากเป็นบัณฑิตของผมเป็นความจริง”
นายศุภมงคล มัชมี นักเรียนทุนแอมเวย์ รับทุนตั้งแต่ปี 2550 ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.94 กล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่นักศึกษาแพทย์ต้องเรียนรู้นอกเหนือจากตำรา คือ คนไข้ ผมเองได้ฝึกปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ในหอผู้ป่วยแผนกศัลยศาสตร์ ดูแลผู้ป่วยแทบทุกขั้นตอน ตั้งแต่รับคนไข้ ซักถามประวัติ ตรวจร่างกายและเขียนข้อมูลส่งให้อาจารย์หมอ ทุกเช้าต้องไปช่วยทำแผลให้ผู้ป่วย ตอนเย็นจะเดินไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยพร้อมกับแพทย์รุ่นพี่ นอกจากนี้ ใน 1 สัปดาห์ ต้องไปเป็นผู้ช่วยในการตัดไหมในห้องผ่าตัด 2 ครั้งและอยู่เวรที่ห้องฉุกเฉิน 1 ครั้ง ซึ่งผมไม่เหนื่อยเลย เพราะนั่นช่วยให้ผมได้พบเจอคนไข้หลากหลายตั้งแต่เด็กหกล้มเป็นแผลเล็กจนถึงคนที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงหมดสติเลือดอาบ ต้องใส่ท่อโยงสายทั่วตัว หรือแม้แต่คนเมาเหล้าเกิดอุบัติเหตุคิ้วแตก ผมก็ลงมือเย็บด้วยตนเอง ครั้งแรกมือผมสั่นมากด้วยความตื่นเต้น แต่แล้วผมก็ทำได้ ผมมั่นใจว่าคิดถูกที่สุดแล้วที่เลือกเรียนแพทย์ รอยยิ้มและความเชื่อใจของคนไข้และญาติๆ เป็นกำลังใจที่ทำให้ผมมีความสุขได้เสมอ”
ผู้ใหญ่ใจดีผู้ซึ่งเป็นผู้มอบโอกาสแก่น้องนักเรียนทุนแอมเวย์
นางจินตนา พรจะเด็ด ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยและนักธุรกิจแอมเวย์ระดับมงกุฎทูตสองผู้สถาปนา กล่าวว่า “โครงการ 20 ปีแอมเวย์ มอบทุน 20 ล้าน สานฝันเด็กไทย ได้ช่วยสร้างอนาคตที่สดใสแก่เยาวชนไทย นับเป็นความภาคภูมิใจของนักธุรกิจแอมเวย์ที่ได้มีมูลนิธิเป็นของตัวเองในชื่อว่า “มูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย” ในฐานะที่เป็นคณะกรรมการมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยรุ่น 1 และปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ รู้สึกภาคภูมิใจและมั่นใจในการดำเนินงานที่โปร่งใส ชัดเจน ใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเสมอ โดยน้องๆ ที่ได้รับทุนการศึกษาในอนาคตจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติอย่างแน่นอน”
นายวิโรจน์และนางศิริพรรณ บุญอริยะ นักธุรกิจแอมเวย์ระดับมงกุฎทูต ผู้บริจาคสมทบทุนรายเดือนแก่มูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เปิดเผยว่า “การช่วยเหลือแบ่งปันและการให้โอกาสถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกัน แอมเวย์ให้โอกาสเราทั้งสองและครอบครัวให้มีธุรกิจที่ดี ให้รายได้และความมั่นคงที่ดี เพื่อให้เราได้มีโอกาสแบ่งปันแก่ผู้ที่ยังยากลำบากและมีโอกาสน้อยที่ยังต้องการความช่วยเหลือ โดยมีคำกล่าวของผู้สำเร็จที่ยิ่งใหญ่ กล่าวไว้ว่า “การมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเกินไป แต่การมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่นบางครั้งอาจเป็นเรื่องทุกข์ทรมานเกินไป ดังนั้น การมีชีวิตอยู่เพื่อความใฝ่ฝันจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง” ซึ่งเราฝันที่จะได้แบ่งปันสิ่งดีๆ และชีวิตที่ดีแก่ผู้คน และฝันที่จะเห็นสังคมที่อุดมสมบูรณ์ด้วยความรัก ความสามัคคี และความเข้าใจกัน ขอขอบคุณครอบครัวแอมเวย์ ที่ให้โอกาสเราทั้งสองและครอบครัว ได้ทำตามความฝันของเรา”
เด็กและเยาวชนทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ หากเพียงพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการแบ่งปันโอกาสจากคนในสังคม เพื่อการได้ทำความฝันของตนให้เป็นจริงและเผื่อแผ่ความฝันเหล่านั้นให้แก่ผู้อื่นต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ เวิรฟ:
วรญา มณีวรรณ (เพชร) โทร.0-2204-8229
พรชนันท์ มงคลกุล (กิฟท์) โทร.0-2204-8223