กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มบริษัทสามารถในไตรมาส 1 ว่ายังเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,287 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจ 144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ สำหรับรายได้รวมที่ลดลง 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น เป็นผลมาจากในไตรมาสแรกของปี 49 บริษัทฯ มีรายได้อื่นนอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจปกติ นั่นคือ กำไรจากการขายหุ้น Casacom และ SIM ให้กับเทเลคอมมาเลเซีย จำนวน 1,452 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจในปีนี้และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว บริษัทฯ จึงได้มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในกลุ่มสามารถเทลคอมได้มีการปรับองค์กรและกำหนดกลยุทธ์ในการนำเสนอไอทีโซลูชั่นเต็มรูปแบบ ส่วนกลุ่มไอ-โมบายก็เน้นการสร้างยอดขายมือถือไอ-โมบายทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าน่าจะขายได้ทะลุเป้า 5 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเล็งที่จะขยายธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงไปยังต่างประเทศ เช่น ธุรกิจ Call Center ที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชาที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใน 3 เดือนแรกของปี 50 มีรายได้ 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในอนาคตเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 บริษัทน่าจะมีโอกาสเติบโตอีกมาก รวมทั้งกำลังพิจารณาที่จะนำเอาทั้ง 2 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งในและต่างประเทศต่อไป
SIM กำไรสุทธิเพิ่ม หลังการขยายตัวของ “i-mobile” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสริมด้วยรายได้ของ Content ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เผยจำหน่ายโทรศัพท์มือถือไปแล้วกว่า 1 ล้านเครื่องในไตรมาสแรก เพิ่มสูงขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 60 เปอร์เซ็นต์ และต่างประเทศ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะตลาดในมาเลเซีย เวียดนาม และลาว โดยจากปริมาณยอดขายเครื่องทั้งหมดเป็นมือถือเฮาส์แบรนด์ “i-mobile” ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นกว่า 55 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสแรกปี 49 จึงส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้น สรุปมีรายได้รวมทั้งสิ้น. 5,846 ล้านบาท ลดลง 8.6 เปอร์เซ็นต์ มีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6 เปอร์เซ็นต์ จากการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่มีคุณสมบัติโดดเด่นถึง 6 รุ่นในช่วง 3 เดือนแรกของปี อีกทั้งยังมีรายได้เสริมจากบริการ Content จำนวน 135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3 เปอร์เซ็นต์
ในไตรมาส 2 แม้เศรษฐกิจอาจไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก แต่สามารถไอ-โมบายยืนยันพร้อมรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมั่นใจในคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนใครของมือถือไอ-โมบาย โดยจะเปิดตัวมือถือใหม่ประมาณ 4 รุ่นในไตรมาส 2 เช่น i-mobile 516 Talking-Dict Phone พร้อมฟังก์ชั่น “ทอล์กกิ้ง ดิกชั่นนารี่” และ i-mobile 903 Talking Gang ที่มีฟังก์ชั่นวิทยุสื่อสารติดตัวหรือ Walkie Talkie ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเป้าหมายในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการจัดจำหน่ายมือถือไอ-โมบาย บริษัทฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อส่งเสริมการขายและการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนจำหน่ายทั่วทุกภูมิภาค โดยจะมีการเปิดตัวเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ไอ-โมบายยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศ ล่าสุดหลังเข้าสู่ตลาดอินเดีย มียอดขายแล้วหลายหมื่นเครื่อง
SAMTEL ไม่หวั่นแม้รายได้ลดจากความล่าช้าของโครงการภาครัฐ ประกาศขยายธุรกิจไอทีโซลูชั่นอย่างเต็มรูปแบบ เตรียมพร้อมรุกธุรกิจภาคเอกชนให้มากขึ้น พร้อมปรับองค์กรเพิ่มความคล่องตัว ซึ่งในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้น่าจะได้งานภาครัฐที่จะเปิดประมูลอีกหลายโครงการ ซึ่งในไตรมาสแรกได้เข้าประมูลและรอผลอยู่ โดยมีมูลค่าทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ล่าสุดตั้งบริษัทใหม่ที่กัมพูชา หวังขยายธุรกิจไอทีสู่ต่างประเทศ
ผลประกอบการไตรมาสแรก ของบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวมทั้งสิ้น 487 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16 เปอร์เซ็นต์ มีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท ลดลง 34 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นผลมากจากความล่าช้าของงานโครงการเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวและสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม SAMTEL บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการรองรับไว้พร้อมแล้ว ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ตั้งเป้าเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจ IT Solutions ครบวงจร ทั้งนี้ได้มีการจัดทัพใหม่ โดยผนึกกำลังฝ่ายขายไว้ที่ศูนย์กลาง และเสริมทีม Product Development เพื่อพัฒนาสินค้าในแต่ละ Line ในเชิงลึก ที่สำคัญยังเร่งพัฒนา Smart Solutions เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละสายธุรกิจอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ได้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นที่ประเทศกัมพูชา คือ บริษัท สามารถ เทเลคอมมิวนิเคชั่น (แคมโบเดีย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200,000 เหรียญสหรัฐ นับเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มสามารถเทลคอมในการขยายธุรกิจทางด้านไอทีและโทรคมนาคมสู่ต่างประเทศ
นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “กลุ่มบริษัทสามารถยังคงตั้งเป้ารายได้ของทั้งกลุ่มไว้ที่ 35,000ล้านบาท เพราะเรามั่นใจว่าโครงการต่างๆ ที่กำลังจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 จะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมาย และด้วยนโยบายเชิงรุกของแต่ละบริษัทที่มีความชัดเจน โดย SIM มีแผนรุกตลาดคอนซูมเมอร์ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่วน SAMTEL ตั้งเป้ารุกตลาดองค์กรภาคเอกชนอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม PR.Corp.
วรรษกร ปลื้มจิตต์ (ตุ๊ก) โทร. 0-2502-8687
จุฑารัตน์ ชัยวิชาชาญ (อ้อม) โทร. 0-2502-8183
วทิรา ลุยากร (ใหม่) โทร.0- 2502-8236