ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิต “บ้านปู” เป็นระดับ “A+/Stable” จากเดิมที่ “A/Positive”

ข่าวทั่วไป Wednesday November 9, 2005 16:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันในปัจจุบันของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A+” จากเดิมที่ระดับ “A” โดยเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จากเดิม “Positive” หรือ “บวก” ในขณะเดียวกันได้จัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันใหม่จำนวน 3 ชุดของบริษัทมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาทที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ชื่อเสียง และประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจถ่านหินระดับภูมิภาคของบริษัท รวมถึงการกระจายตัวของแหล่งถ่านหิน ตลอดจนความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ยาวนานของคณะผู้บริหาร อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีเสถียรภาพทางการเมืองต่ำและมีความไม่แน่นอนในเรื่องเงื่อนไขการลงทุน ทั้งนี้ การลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอให้แก่บริษัทและจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของวัฏจักรราคาถ่านหิน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทเพื่อรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจถ่านหินและการลงทุนในอนาคต ราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นและความเป็นไปได้ที่รัฐบาล
อินโดนีเซียจะเรียกเก็บภาษีส่งออกถ่านหินจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการมีสัดส่วนของถ่านหินคุณภาพดีมากขึ้นน่าจะช่วยลดผลกระทบต่ออัตราการทำกำไรของบริษัทได้บางส่วน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบ้านปู ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดถ่านหินในประเทศพร้อมกับขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาค ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจถ่านหินกว่า 20 ปีส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันบริษัทติดอันดับ 1 ใน 5 ของผู้ผลิตถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศดังกล่าว นอกจากนี้ การมีถ่านหินที่มีคุณภาพหลากหลายจากเหมืองถ่านหินหลายแหล่งยังมีส่วนช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดให้แก่บริษัท บริษัทได้ซื้อหุ้น 22.3% ใน Asian American Coal Inc. (AACI) ซึ่งประกอบกิจการเหมืองถ่านหินในประเทศจีน จากการศึกษาและสำรวจทางเทคนิคซึ่งจัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศระบุว่า ณ เดือนธันวาคม 2547 บริษัทมีปริมาณสำรองถ่านหินในประเทศไทยและอินโดนีเซียรวมทั้งสิ้น 300.8
ล้านตัน (คิดจากการถือหุ้น 100%) เพิ่มขึ้น 81% จากปี 2546 ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากปริมาณสำรองถ่านหินที่เพิ่มจากเหมืองในประเทศจีนและราคาถ่านหินที่สูงขึ้น ผลผลิตถ่านหินของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านตันในปี 2547 และ 8.4 ล้านตัน ณ 6 เดือนแรกของปี 2548 โดยถ่านหินกว่า 80% มาจากเหมืองในประเทศอินโดนีเซีย รายได้จากการขายถ่านหินสำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2548 เพิ่มขึ้น 49% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 เป็น 10,512 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 46.7% สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2548 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะลดลงตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นไปเนื่องจากผลกระทบจากการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากธุรกิจถ่านหินแล้ว บริษัทบ้านปู ยังมีการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2548 คิดเป็น 2.5 เท่าของเงินลงทุนเริ่มแรก การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทประกอบด้วยการถือหุ้นใน บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด หรือ BLCP (50%) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH (14.99%) โดยในปี 2547 บริษัทได้รับเงินปันผลจาก RATCH จำนวน 413 ล้านบาท ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ