กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
ความก้าวหน้าในนวัตกรรมด้านวิดีโอ โซลูชั่น ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันแบบ Real-Time เป็นเรื่องง่ายและเกิดประสิทธิผลมากขึ้น ทั้งในระดับองค์กรและผู้ใช้งาน
อวาย่า (Avaya) ผู้นำระดับโลกด้านระบบสื่อสาร ซอฟต์แวร์ และบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการด้านการสื่อสารและทำงานร่วมกันผ่านวิดีโอแบบ real-time สำหรับองค์กรทุกระดับ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งาน หรือ end user ได้รับความสะดวกและได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น สำหรับนวัตกรรมที่ถือเป็นจุดโดดเด่นในครั้งนี้ คือ Avaya Flare? Experience ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่มาพร้อมคุณสมบัติที่สอดรับกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน นอกจากนี้ยังเป็นโซลูชั่นล้ำยุคชิ้นแรกที่มอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ใช้ด้วยขีดความสามารถอันโดดเด่นในการสนับสนุนการทำงานร่วมกัน (collaboration) ผ่านช่องทางการสื่อสารในรูปแบบวิดีโอ เสียง และข้อความ
โซลูชั่นใหม่เหล่านี้ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ระดับผู้ใช้งานบุคคลไปจนถึงระบบห้องประชุมขนาดใหญ่ ช่วยให้การสื่อสารและประสานงานผ่านวิดีโอความละเอียดสูงกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับพนักงานในองค์กร โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 1 ใน 3 ของการสื่อสารรูปแบบเดิมๆ ทั้งยังใช้แบนด์วิธน้อยกว่าโซลูชั่นอื่นๆ ที่เป็นของคู่แข่งในท้องตลาดอย่างมาก ด้วย Avaya Aura? ซึ่งเป็นสภาปัตยกรรมการสื่อสารแบบผสม (unified communications architecture) รายแรกที่นำคุณสมบัติของ SIP (Session Initiation Protocol) มารองรับการเชื่อมต่อกับหลายผู้ผลิต (multi-vendor), รองรับหลายสถานที่ (multi-location) และ หลายระบบ (multi-modal) ทำให้การสื่อสารผ่าน video call และ video conferencing เป็นเรื่องง่ายไม่ต่างอะไรกับการใช้โทรศัพท์ โดยใช้แพลตฟอร์มเดียวกันสำหรับการสื่อสารทั้งสองรูปแบบ ทั้งนี้ ธุรกิจต่างๆ สามารถผนวก real-time video เข้ากับเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานหลักของตนอย่าง Avaya Aura เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าเดิม รวมถึงการยกระดับคุณภาพบริการ งานธุรการ และการบริหารจัดการ การเพิ่มขีดความสามารถในการสื่อสารผ่านวิดีโอเข้าไปในเครือข่ายทำได้ง่ายเช่นเดียวกับการเพิ่ม video-capable endpoints เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้ overlay network
การเปิดตัวโซลูชั่นใหม่เป็นเหมือนเป้าหมายสำคัญในการดำเนินงานครบรอบ 10 ปีของอวาย่า เนื่องจากเป็นสิ่งที่มาเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารขององค์กรต่างๆ โดยใช้แอพพลิเคชั่นสนับสนุนการทำงานร่วมกัน (collaboration application) ที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น ช่วยให้ธุรกิจทั้งหลายปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน ตัดสินใจได้เร็วขึ้น และแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น การเปิดตัวดังกล่าวนับเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อวาย่าเริ่มมาตั้งแต่เดือนมกราคม นับแต่นั้นเป็นต้นมา นวัตกรรมที่ต่อเนื่องของอวาย่า ได้นำเสนอความก้าวหน้าในสาขาการสื่อสารแบบผสมและการทำงานร่วมกันระดับองค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง นอกเหนือจากขอบข่ายผลิตภัณฑ์ด้าน Data Solutions และ Contact Center รวมถึงแพลตฟอร์มสำหรับการสื่อสารอย่าง Avaya Agile Communication Environment และ Avaya Aura 6.0
การสื่อสารในลักษณะ unified communications แบบ real-time กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เนื่องจากพนักงานและแผนกไอทีทุ่มเทเวลาไปกับการจัดการกับแอพพลิเคชั่น เครือข่าย และไดเร็คทอรี่ ที่แยกจากกันเป็นเอกเทศ ซึ่งเป็นตัวชี้นำพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งเควิน เคนเนดี้ President & CEO ของ Avaya กล่าวว่า โซลูชั่นการสื่อสารผ่านวิดีโอสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ทำให้ภาพดังกล่าวมีความซับซ้อนมากขึ้น
“เพื่อให้เกิดผลิตผลเต็มที่ พนักงานจำเป็นต้องมีเครื่องมือสื่อสารที่ใช้งานง่ายและเชื่อมโยงกันแบบบูรณาการ ทั้งส่วนที่เป็นวิดีโอ เสียง และข้อความ” นายเคนเนดี้ กล่าว “นี่ถือเป็นหัวใจของหลักการทำงานร่วมกันโดยมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (people-centric approach) ของอวาย่า และเป็นวิธีที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและดียิ่งขึ้น โดยมีภาระงานน้อยลงและต้นทุนโดยรวม (total cost of ownership) ที่ต่ำลงด้วย เรากำลังนำเสนอรูปแบบการทำงานร่วมกันที่เพิ่มศักยภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายที่เกิดจากโซลูชั่นอื่นในท้องตลาดปัจจุบัน ทั้งยังใช้แบนด์วิธต่ำกว่าโซลูชั่นเหล่านั้นอย่างมาก”
จากข้อมูลการสำรวจล่าสุดโดย Webtorials พบว่า การสื่อสารผ่านวิดีโอคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากต้นทุนที่ลดลง ใช้งานง่าย และคุณภาพดีขึ้น โดยผู้ตอบแบบสำรวจคาดว่าจำนวนผู้ใช้ ผู้ซึ่งสื่อสารผ่านระบบ video conferencing จะพุ่งขึ้นถึง 400 เปอร์เซ็นต์ในอีกสองปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจัดการกับอุปสรรคใหญ่ๆ 4 ประการ คือ ราคาของอุปกรณ์และแบนด์วิธที่สูง ความจำเป็นที่ต้องจัดพื้นที่เฉพาะ การขาดการเชื่อมโยงกับแอพพลิเคชั่นอื่นๆ และแหล่งข้อมูล รวมทั้งปัญหาขัดข้องหรือเหตุสะดุดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระหว่างสื่อสารผ่าน video conferencing
โซลูชั่นที่อวาย่าเปิดตัวในครั้งนี้ช่วยขจัดอุปสรรคดังกล่าวและปัญหาอื่นๆ ได้ โดยขอบข่ายผลิตภัณฑ์ด้าน real-time communications ของอวาย่าในปัจจุบัน ได้แก่ เทคโนโลยีและบริการเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกัน ดังต่อไปนี้:
Avaya Flare Experience ขจัดอุปสรรคที่ขวางกั้นระหว่างระบบการสื่อสารในปัจจุบันกับเครื่องมือสนับสนุนการทำงานร่วมกัน ด้วย user interface ที่แตกต่าง ซึ่งพัฒนามาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงช่องทางการสื่อสารได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเสียงสนทนา (voice) และวิดีโอ, เครือข่ายสังคมออนไลน์ (social media), Instant Messaging, การประชุมผ่านระบบ audio/video/web conferencing, การเปิดไดเร็คทอรี่หลายรายการแบบ consolidated view, context history และอื่นๆ อีกมากมาย โดย Avaya Flare Experience มาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษ (central spotlight) ที่ช่วยตรวจสอบและติดตามกิจกรรมการสื่อสารที่กำลังดำเนินอยู่และกิจกรรมที่ยังไม่เสร็จสิ้น การสร้างกิจกรรมการสื่อสารก็สามารถทำได้ง่าย เพียงลากผู้ติดต่อ (contact) หนึ่งรายการหรือมากกว่านั้นจากไดเร็คทอรี่ไปยัง spotlight ดังกล่าว กรณีเป็นการสื่อสารข้อความ จะมี pop-up keyboard ปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้กดที่ text-based icon ใต้รูปของผู้ติดต่อ Avaya Flare Experience ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android? โดยมีคุณสมบัติเด่นๆ ดังนี้:
User interface แบบ ‘touch and swipe’ ที่ไวต่อการสั่งการ พนักงานสามารถสื่อสารในโหมดใดก็ได้ รวมถึงการตรวจสอบข้อความเข้า จัดการนัดประชุมและเจรจาธุรกิจ และรับข้อความแจ้งเตือนต่างๆ เริ่ม voice และ video calling รวมถึง conferencing ง่ายๆ ด้วยวิธี Drag-and-drop พร้อมขีดความสามารถในการแยกฟังก์ชั่นออกจากการโทร เพื่อสื่อสารผ่านเสียงสนทนา อีเมล์ หรือ IM ที่ side bar และจากนั้นกลับเข้ามาร่วมประชุม โดยไม่กระทบกับสายที่โทรค้างอยู่ ฟังก์ชั่นที่เรียกว่า ‘Rolodex’ ช่วยให้สามารถเรียกดูไดเร็คทอรี่หลายๆ ไดเร็คทอรี่ได้ในจอเดียว ทั้งขององค์กรและเฉพาะส่วนของผู้ใช้, Facebook, Twitter และอื่นๆ เพียงผู้ใช้พลิกหาบุคคลที่ต้องการจะติดต่อประสานงาน ดูว่าว่างหรือไม่ เลือกโหมดการสื่อสารที่ต้องการ จากนั้นก็เริ่มการติดต่อได้ทันที ขีดความสามารถการดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มผลิตผล (productivity) และการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงเครื่องมือต่างๆ ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android ที่กำลังได้รับความนิยมสูงมากในขณะนี้
Avaya Flare Experience เริ่มวางจำหน่ายพ่วงกับ Avaya Desktop Video Device แต่อีกไม่นานจะพัฒนาให้สามารถใช้ได้กับแพลตฟอร์มอื่น ซึ่งรวมถึงพีซีทั่วไป แลปทอป แทบเล็ตพีซี และสมาร์ทโฟน ทั้งนี้ Avaya Flare Experience พัฒนาต่อยอดมาจากโซลูชั่นในกลุ่ม Avaya Aura 6.0 ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งรวมถึง Avaya Aura Conferencing และ Avaya Aura Messaging
Avaya Desktop Video Device พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานร่วมกับ Avaya Flare Experience โดยเฉพาะ โดยเป็น desktop collaboration endpoint ที่ให้ความคุ้มค่าและช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมขีดความสามารถในการสื่อสารผ่านระบบวิดีโอสำหรับเครื่องเดสก์ทอปสำหรับผู้บริหาร หรือการสื่อสารแบบ power communicators ในลักษณะ customer kiosk ทั้งนี้ Avaya Desktop Video Device มาพร้อมกับหน้าจอ HD แบบ touch screen ขนาดใหญ่ 11.6” และระบบเสียงครบครัน พร้อมกล้องแบบ HD ความละเอียด 720 pixel และลำโพงคู่แบบ built-in ที่ให้คุณภาพเสียงระดับ HD-quality voice อุปกรณ์ดังกล่าวสนับสนุนการสื่อสารไร้สายผ่านเครือข่าย SIP และ WiFi ทั่วถึงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับพอร์ต USB สำหรับต่อพ่วงกับคีย์บอร์ดหรือมือถือ, เครือข่าย 3G/4G หรือ thumb drive โดยเวอร์ชั่นใหม่ที่กำลังจะปิดตัวจะรองรับการเชื่อมต่อ remote access กับเครือข่าย VPN และ 4G
Avaya Flare Experience สำหรับ Avaya 9600 Series Deskphones มาพร้อมกับขีดความสามารถในการสื่อสารด้วยเสียง การประชุมทางไกล instant messaging และ presence service รวมถึงการเชื่อมโยงกับ Microsoft Outlook เพื่อความสะดวกในการจัดการรายชื่อผู้ติดต่อ ทั้งหมดเป็นคุณสมบัติใหม่ทีพัฒนามาเพื่อใช้กับโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเริ่ม sidebar chat ขณะคุยโทรศัพท์ หรือกำลังค้นหาผู้เชี่ยวชาญจากไดเร็คทอรี่กลุ่มต่างๆ
Avaya Collaboration Server มาพร้อมกับฟังก์ชั่นหลักทั้งหมดของ Avaya Aura 6.0 ที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ในตัว ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จาก Avaya Flare Experience, Avaya Desktop Video Device และ Avaya Video Conferencing Solutions ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพแวดล้อมของระบบการสื่อสารแบบ multi-vendor H.323 และ/หรือ SIP ที่มีอยู่ พร้อมขีดความสามารถรองรับจุดเชื่อมต่อ (endpoint) สูงสุดถึง 50 จุด
Avaya Video Conferencing Solutions ครอบคลุมตั้งแต่ระบบเดสก์ทอปวิดีโอของพนักงานแต่ละคนและกลุ่มย่อยๆ ไปจนถึงห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ใช้หลายจอแบบ multi-screen โซลูชั่นใหม่นี้ติดตั้งและใช้งานง่ายได้ทุกที่ด้วยการปฏิบัติการและการจัดการผ่าน Avaya Aura ซึ่งมีการควบคุมแบนด์วิธและลดความจำเป็นในการใช้ overlay video network ทั้งนี้ โซลูชั่นของคู่แข่งในตลาดปัจจุบันไม่ให้ความสำคัญด้านการลดค่าใช้จ่ายและแบนด์วิธมากนัก แต่ Avaya Video Conferencing Solutions ให้ความสำคัญและมีคุณสมบัติดังนี้:
- Avaya one-X? Communicator Desktop Video Soft Client มาพร้อมกับระบบวิดีโอแบบ SIP-based ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย โดยใช้ UC desktop interface ที่มีฟังก์ชั่นต่างๆ ครบครัน เช่น IM, presence, click-to-video conference และยังผนวกเข้ากับซอฟต์แวร์ได้หลากหลาย ทั้งค่าย Adobe, IBM และ Microsoft
- ระบบวิดีโอ Avaya 1010 และ 1020 สำหรับเวิร์คกรุ๊ปหรือห้องประชุมขนาดเล็ก ซึ่งให้ระบบวิดีโอคุณภาพสูงและใช้งานง่าย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้พื้นที่น้อย เหมาะสำหรับผู้ใช้สองหรือสามคน
- ระบบวิดีโอ Avaya 1030, 1040 และ 1050 สำหรับห้องประชุมขนาดกลางถึงใหญ่ ซึ่งใช้จอแบบ dual-screen ช่วยให้สามารถทำเป็นระบบ content-sharing รวมถึง face-to-face video conferencing ได้อีกด้วย โดย Avaya 1040 และ 1050 มีตัวเชื่อมการประชุมแบบ multi-party conferencing ทำหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากหลายๆ จุดพร้อมกัน
- Avaya Videoconferencing Manager 6.0 มาพร้อมกับเครื่องมือบริหารจัดการที่ครบครัน ทั้งการจัดตารางเวลาการประชุม การตั้งค่าต่างๆ และการติดตามผล ซึ่งเข้าถึงได้โดยผ่าน Avaya Aura System Manager
Avaya Professional Services for Video เป็นบริการทางเลือกที่ให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้การนำระบบวิดีโอไปใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น ตรงเวลา ไม่เกินงบ ซึ่งจะนำไปสู่ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) สูงสุด ทั้งยังเอื้อต่อการประเมินความต้องการของผู้ใช้ และการจัดเตรียมแผนธุรกิจ การออกแบบและวางแผน การประเมินความพร้อมใช้งานของวิดีโอ การใช้งานและวางระบบเชื่อมกับ SIP หรือ H.323 ที่มีอยู่ และบริการทำ optimization ต่างๆ
Avaya Managed Video Services ให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนทางเทคนิคแก่ผู้ใช้ในด้านการติดตั้งและจัดการวิดีโอ ซึ่งได้แก่ การจัดทำตารางเวลา การตรวจติดตามคุณภาพบริการ และการเชื่อมระบบเข้ากับ H.323 เพื่อใช้ในการจัด video conferencing ทั้งภายในและภายนอกองค์กร บริการนี้เหมาะสำหรับบริษัทที่ต้องการใช้ประโยชน์จากวิดีโอ แต่ขาดทักษะการจัดการและความเชี่ยวชาญของบุคลากรในแผนกไอทีจะมารับผิดชอบงานในแต่ละวัน
Avaya web.alive เป็นบริการในรูปแบบที่เรียกว่า software-as-a-service กล่าวคือ เป็นแพลตฟอร์มสื่อสารธุรกิจเสมือนจริงที่ใช้ตัวละครสมมติเป็นตัวแทนในการประชุม ซึ่งสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียง นำมิติใหม่มาสู่การฝึกอบรมและเรียนทางไกล การประสานงานประชุมทางธุรกิจ หรือการสร้างบทบาทสมมติ ซึ่งช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดึงดูดการมีส่วนร่วมของลูกค้า และโอกาสในการขายมากขึ้น Avaya web.alive เป็นระบบที่ง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งานสะดวก พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบครันเพื่อช่วยวัดผลตอบแทนการลงทุน ทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกับเอ็นเทอร์ไพรซ์ซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้
"การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครั้งนี้เป็นการสื่อสารครั้งสำคัญของอวาย่า” รูแพม เจน Industry Director ประจำแผนก Conferencing and Collaboration ของ Frost & Sullivan กล่าว “ผมรู้สึกประทับใจอย่างมากกับ user interface ของวิดีโอโซลูชั่นใหม่นี้ มันทำงานได้อย่างอัจฉริยะและใช้งานง่าย สมกับที่เรารอคอยให้อวาย่าพัฒนาวิดีโอโซลูชั่นแบบเบ็ดเสร็จ และสิ่งที่ได้รับรู้ก็ถือได้ว่าสุดยอด"
LIVE WEBCAST อวาย่าจะทำการสาธิต Avaya Flare Experience และ Collaboration Device ผ่าน live webcast วันนี้ คลิกที่ http://bit.ly/bCgD2L เพื่อร่วมชม webcast ดังกล่าว
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ภาพ วิดีโอสาธิต และอื่นๆ ได้ใน Avaya News Room ที่ http://www.avaya.com/gcm/master-usa/en-us/corporate/pressroom/index.htm
เกี่ยวกับอวาย่า : อวาย่าเป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบสื่อสารสำหรับองค์กร (Enterprise Communications System) โดยมีความเชี่ยวชาญในส่วนของ UC (Unified Communications), Contact Centre และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านทาง channel partners โดยตรงไปยังธุรกิจและองค์กรชั้นนำทั่วโลก องค์ระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์ตั้งแต่เล็กถึงใหญ่ต่างให้ความไว้วางใจระบบสื่อสารล้ำสมัยของอวาย่า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกัน การบริการลูกค้า และขีดความสามารถในการแข่งขัน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.avaya.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ศันสนีย์ / ชนิดาภา
บริษัท สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
โทร. 02 653-2717-9
อีเมล์ tle@spark.co.th / june@spark.co.th