ทำเรื่องใหญ่ๆ ให้กลายเป็นเรื่องเล็กๆ .... เทรนด์ใหม่ศัลยกรรมไทย

ข่าวทั่วไป Monday September 20, 2010 15:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--พี อาร์ เน็ตเวิร์ค พัฒนาการของ “ศัลยกรรม” ในโลกความงาม... เติบโตและก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เพียงแค่ การเสริมจมูก การทำตาสองชั้น หรือการดึงหน้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสร้างความมั่นใจ ความพึงพอใจและความสุขในการใช้ชีวิตต่อไปอีกด้วย จากศัลยกรรมมีดหมอ เรื่องใหญ่ๆ ในห้องผ่าตัด...วันนี้จึงกลายเป็นเรื่องเล็กๆ ของทั้งหมอและคนทำศัลยกรรม ที่ไม่ต้องวุ่นวาย ใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนอีกต่อไป เพราะวันนี้เพียง 15 -30 นาที คุณก็สามารถเปลี่ยนโฉมตัวเอง ให้ดูดีขึ้นได้ จนใครๆ ต้องถามว่า...ไปทำอะไรมา !!! นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า กล่าวว่า ปัจจุบันเหตุผลสำหรับการทำศัลยกรรมของคนเปลี่ยนไปจากความต้องการสวย กลายเป็นความต้องการมั่นใจ ด้วยเพราะคนปัจจุบันทำงาน และอยู่ในสังคมมากขึ้น รวมทั้งมีอายุยืนมากขึ้น การเลือกทำศัลยกรรมก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ซึ่งมีตั้งแต่แก้ไขข้อบกพร่อง เสริมแต่งเพื่อสร้างจุดเด่น รวมทั้งไม่ต้องแก่ เป็นต้น จากเหตุผลและความต้องการของผู้ทำศัลยกรรมในยุคปัจจุบัน ทำให้รูปแบบการทำศัลยกรรมแบบเดิมๆ ไม่สามารถตอบโจทย์ได้--- ศัลยแพทย์ด้านความงาม จึงต้องพัฒนารูปแบบการทำศัลยกรรมเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ของผู้ทำศัลยกรรมวันนี้ให้ได้ “ รูปแบบการทำศัลยกรรมเดิม คือการผ่าตัดที่มีขนาดใหญ่ เช่น ทำตาสองชั้นจะใช้วิธีการกรีดยาวแล้วเย็บ เวลาหลับตาจะเห็นรอยเย็บชัดเจนมาก และที่เห็นได้ชัดคือ การดึงหน้า เมื่อก่อนจึงแหวกตรงกลางศีรษะ เพื่อซ่อนแผลเป็นที่ขนาดใหญ่มาก แต่ผลคือแนวผมถกล่นไปข้างหลัง ทำให้ตาหน้า ผิดรูปไปมาก หรืออย่างการเสริมจมูก ยุคแรกๆ จะเห็นชัดมากเพราะดั้งจะตรงแข็ง ขาดความเป็นธรรมชาติ เดินไปไหนใครก็รู้ว่าเสริมจมูกมา ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่มีคนมากมายทำศัลยกรรม แต่ทำให้คนอื่นได้แค่สงสัย เพราะมีความเป็นธรรมชาติและเกือบจะไร้ร่องรอยทิ้งไว้ให้ใครๆ จับได้ เพราะปัจจุบันการผ่าตัดศัลยกรรมความงาม ศัลยแพทย์ได้คิดค้นทั้งวิธีการ พัฒนาทั้งฝีมือ รวมทั้งนำเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ จนทำให้การผ่าตัดศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องเล็กๆ คือ เกิดแผลขนาดเล็กมาก คนไข้ไม่ต้องเสียเวลานาน ทั้งขณะทำและหลังทำศัลยกรรม เพราะแผลเล็กจะไม่บวมช้ำ จากที่ต้องพักผ่อนเป็นสัปดาห์สำหรับการเสริมจมูก ทำตาสองชั้น ปัจจุบันคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติ โดยไม่ต้องพักผ่อนหลังจากทำเสร็จ” นายแพทย์ชลธิศ เปิดเผยด้วยว่า พัฒนาด้านศัลยกรรมความงามในปัจจุบัน เกิดจากการนำเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ โดยเฉพาะกล้อง Micro Scopes ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของโลกศัลยกรรมความงามทีเดียว “ กล้อง Micro Scopes เป็นกล้องที่ใช้สำหรับการผ่าตัดในจุดสำคัญๆ ของร่างกาย ส่วนใหญ่แพทย์โสต ศอ นาสิกจะใช้กันมาก เพราะอวัยวะส่วนต่างๆ บนใบหน้า หู คอ จมูก เป็นจุดที่สำคัญมาก แต่ผมตัดสินใจนำมาใช้กับการทำศัลยกรรมความงามเกือบ 20 ปีแล้ว เพราะเล็งเห็นว่าอนาคตศัลยกรรมต้องก้าวล้ำไปข้างหน้า การผ่าตัดแผลขนาดใหญ่จำเป็นต้องเปลี่ยน ซึ่งปรากฎว่า ได้ผลดีมาก เพราะคนไข้เจ็บน้อยลง ใช้เวลาน้อยลง และมีความเป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะการทำตาสองชั้น ปัจจุบันผมใช้วิธีการเจาะรูเล็กๆ ไม่ใช่การกรีดแบบเดิมๆ จากนั้นดูดไขมันออกมาและร่วมกับการใช้กล้อง Micro Scopes ซึ่งเรียกวิธีการนี้ว่า Microscopic Surgery ผลคือเกิดแผลเล็กมากขณะทำ แต่หลังจากทำเสร็จเรียบร้อย คนไข้สามารถแต่งหน้า เขียนขอบตา และไปทำงานหรือเดินช้อปปิ้งได้ทันทีหลังเข้ารับการผ่าตัด” ส่วนการดึงหน้าปัจจุบัน นพ.ชลธิศ ก็ได้นำกล้อง Micro Scopes มาใช้ร่วมด้วย ประกอบการคิดค้นจุดของการดึงหน้าใหม่ ที่เป็นการดึงหน้าจริงๆ ไม่ใช่การดึงหนังศีรษะ ตามแบบเดิมๆ โดยใช้แนวของไรผมเป็นจุดในการผ่าตัด และเย็บอย่างปราณีตด้วยเทคนิคเฉพาะตัว โดยเรียกวิธีนี้ว่า การยกกระชับใบหน้า เพราะทำให้หน้าเต่งตึง สามารถย้อนอายุให้มากกว่า 10 ปีทีเดียว และวิธีดังกล่าวยังทำให้ใบหน้าเต่งตึงขึ้นกว่าเดิม เพราะคอลลาเจนบนใบหน้าที่เริ่มจะย่อนยานไปตามอายุนั้น การผ่าตัดมีผลกระตุ้นให้คอลลาเจนผลิตขึ้นมาเพื่อสมานรอยแผลเป็นนั้นอีกด้วย การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของวงการศัลยกรรมความงามไทย นอกจากจะสร้างสรรค์ความสวยงามเพื่อความพึงพอใจและสร้างความมั่นใจให้กับผู้คนแล้ว ยังเป็นตอกย้ำได้ด้วยว่า แพทย์ไทยฝีมือก้าวไกลมากที่สุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-6829880 แฟกซ์02-682-9884-5
แท็ก ผ่าตัด  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ