กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--PRdd
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 2.2 เปอร์เซ็นต์จากสัปดาห์ก่อนหน้า พร้อมทั้งทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ระดับ 1,282.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงจากระดับ 82.7 จุด ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 80.9 จุด ทั้งนี้เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับประเด็นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ อาจดำเนินโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพิ่มเติมโดยการพิมพ์ธนบัตรและซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้เอกชน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในสภาวะเปราะบางอย่างมากให้มีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งขึ้น และการดำเนินนโยบายดังกล่าวจะมีผลกดดันต่อค่าเงินสกุลดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงในระยะยาว บวกกับการแข็งค่าขึ้นของเงินสกุลยูโรภายหลังผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสเปนอายุ 10 ปี และ 30 ปี ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเหนือความคาดหมาย ยิ่งกดให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงและแตะระดับต่ำสุดดังกล่าว ก่อนที่จะมีการดีดตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์จากกระแสข่าวที่ว่าไอร์แลนด์อาจต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากภายนอก ซึ่งทำให้นักลงทุนเทขายเงินสกุลยูโรและกลับเข้ามาถือเงินสกุลดอลลาร์อีกครั้ง
ขณะที่การแทรกแซงตลาดเงินของทางการญี่ปุ่นก็มีผลผลักดันให้เงินสกุลดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ก่อนดัชนีดอลลาร์จะปิดไปในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 81.4 จุด นอกจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ที่ได้ผลักดันให้ราคาทองคำขึ้นมาสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอก็ยังคงปรากฎให้เห็นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น 1) ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนในเยอรมนีที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ -4.3 จุดในเดือนก.ย.และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.2552 2). ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรยังคงทรงตัวในเดือนก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% 3).ข้อมูลยอดค้าปลีกของอังกฤษที่ปรับตัวลดลงอย่างมากโดยลดลงถึง 0.5% จากการรายงานก่อนหน้านี้ที่มีการขยายตัวที่ระดับ 0.8% รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังไร้ทิศทางได้หนุนให้นักลงทุนเข้าลงทุนทองคำในฐานะที่เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างเด่นจัดจากการที่กองทุน SPDR ได้ซื้อทองคำสุทธิในสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวน 7.294 ตัน ทำให้ปริมาณการถือครองล่าสุดของกองทุนอยู่ที่ 1,300.825 ตัน จากที่กองทุนได้เคยถือครองทองคำสูงสุดที่ระดับ1,320.436 ตัน เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2553
ส่วนราคาทองคำในประเทศช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นยังถูกกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาทอย่างมากจากประเด็นความกังวลต่อมาตรการที่ภาครัฐจะนำมาใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท ก่อนธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกมาย้ำว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายดูแลอัตราแลกเปลี่ยนตามที่ตลาดกังวล พร้อมระบุว่า เงินบาทควรเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาด จึงทำให้ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้น
นางสาวฐิภา กล่าวว่า สำหรับมุมมองของวายแอลจีในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำจะมีความผันผวนมากขึ้น โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ 1,250 — 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแนะนำให้นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีขึ้นในคืนวันอังคารว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมีนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณอย่างที่นักลงทุนคาดการณ์ก่อนหน้านี้หรือไม่ หากเฟดมีการผ่อนคลายเชิงปริมาณอย่างที่คาดจริง ก็จะผลักดันให้ราคาทองคำดีดตัวทดสอบแนวต้านระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออน์ได้ แต่หากไม่มีประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นอาจทำให้ราคาทองคำมีการปรับฐานลงในระยะกลางโดยให้จุดเข้าซื้อของนักลงทุนระยะกลางอยู่บริเวณ 1,250 -1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติมแนะนำให้หาจังหวะทำกำไรเมื่อราคาดีดตัว
ตาราง 1: สรุปแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญในสัปดาห์นี้
แนวรับ2 แนวรับ1 แนวต้าน1 แนวต้าน2
1,250 1,265 1,285 1,300
ที่มา : YLG Bullion & Futures