ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตั๋ว B/E “บ. ไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง” เป็น “A+” จาก “A-” และเพิ่มอันดับหุ้นกู้เป็น “AA” จาก “A-”

ข่าวทั่วไป Wednesday May 30, 2007 08:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตั๋วแลกเงิน (B/E) ของ บริษัท ไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (เดิมชื่อ บริษัท สยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน)) เป็นระดับ “A+” จาก “A-” ในขณะเดียวกัน ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทเป็นระดับ “AA” จาก “A-” เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
อันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งสะท้อนคุณภาพเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 96.83% และเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ อันดับเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผลมาจากสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในฐานะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับที่ 3 ของไทย มีเครือข่ายสาขาทั่วประเทศที่แข็งแกร่ง มีฐานะทางการเงินและธุรกิจที่ดีขึ้น มีคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์ และมีเงินกองทุนและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่ง โดยที่อันดับเครดิตของธนาคารถูกลดทอนลงบางส่วนจากสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยน้อยลง ความไม่แน่นอนของธุรกิจหลักทรัพย์ และการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อยซึ่งอาจจำกัดโอกาสในการเติบโตและความสามารถในการทำกำไร
อันดับเครดิตเครดิตองค์กรและตั๋ว B/E ของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ และความสามารถของคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในการขยายสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญยิ่งคืออันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของธนาคารไทยพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรง ผลตอบแทนที่ลดลง ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและขาดทุนจากการจำหน่ายรถยึดที่สูงขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้ ภาวะทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลอดจนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการใช้จ่ายที่ลดลงอาจส่งผลต่อแผนการขยายธุรกิจในเชิงรุกและความสามารถของลูกค้าในการชำระคืนหนี้
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งสะท้อนความเป็นไปได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะมีผลประกอบการในระยะปานกลางตามที่คาดไว้ และจะสามารถดำรงสถานะผู้นำในธุรกิจหลักของธนาคาร รวมถึงจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามแผนการที่วางไว้ ระบบการจัดการความเสี่ยงที่ดีของธนาคาร ผลงานที่ได้รับการยอมรับ และฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่เอื้ออำนวยน้อยลงให้แก่ธนาคารได้ในอนาคต ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สำหรับองค์กรและตั๋ว B/E สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทไทยพาณชิย์ลีสซิ่งจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ รวมทั้งสามารถขยายสินเชื่อ และควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังอยู่บนพื้นฐานที่บริษัทมีสถานะเป็นหน่วยงานเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากธนาคารอย่างต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 3 ในบรรดาธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบของไทยทั้ง 14 แห่ง ธนาคารมีมูลค่าทางธุรกิจ (Franchise Value) ที่แข็งแกร่ง ด้วยประสบการณ์กว่า 1 ศตวรรษในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารได้พัฒนาคณะผู้บริหารและรูปแบบการดำเนินธุรกิจธนาคารซึ่งช่วยให้สามารถดำรงอยู่ได้ในธุรกิจที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง การจัดตั้งระบบการจัดการและควบคุมแบบรวมศูนย์ทำให้สามารถควบคุมและบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่การกระจายอำนาจของหน่วยธุรกิจไปสู่สาขาและบริษัทในเครือได้ช่วยยกระดับความแข็งแกร่งทางการตลาดในธุรกิจหลักของธนาคาร
ผู้บริหารของธนาคารมีนโยบายที่ชัดเจนในการเน้นสินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อยและกระจายไปสู่การสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้มากขึ้น การซื้อหุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งในปี 2549 ในสัดส่วน 96.83% เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะขยายไปสู่ธุรกิจเพื่อลูกค้ารายย่อย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 สินเชื่อของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งคิดเป็น 7% ของสินเชื่อรวมคงค้างของธนาคาร ในขณะที่รายได้รวมของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งคิดเป็น 5% ของรายได้รวมของธนาคาร ระบบการจัดการความเสี่ยงที่ดี ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และเงินกองทุนและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่งของธนาคารสำหรับรองรับหนี้สูญจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งเป?นหนึ่งในผู?นําในด้านการให?บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต?ในประเทศไทย หลังจากมีสถานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 บริษัทก็ได้ดำเนินนโยบายการขยายสินเชื่อเชิงรุก สินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 24.9% ในป?ที่ผ?านมา โดยเพิ่มจาก 42,710 ล?านบาท ณ สิ้นป? 2548 เป?น 53,329 ล?านบาท ณ สิ้นป? 2549 รายได?ดอกเบี้ยสุทธิของบริษัทสําหรับป? 2549 อยู?ที่ 1,908 ล?านบาท ลดลงจาก 2,048 ล?านบาทในป? 2548 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินโดยเฉลี่ยที่สูงขึ้น กำไรสุทธิของบริษัทในปี 2549 ลดลง 63.9% จาก 875 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 316 ล้านบาท การลดลงของกำไรสุทธิที่ค่อนข้างมากส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น 264 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 เนื่องจากบริษัทได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการกันสำรองเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของธนาคารไทยพาณิชย์และเป็นไปตามแนวทางการกำกับแบบรวมกลุ่มของธนาคารแห่งประเทศไทย
การขยายฐานสินเชื่อในเชิงรุกในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรง อาจส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งเสื่อมถอยลง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าระบบการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพของธนาคารไทยพาณิชย์จะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ