กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกรมการแพทย์ ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพทางการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ ทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของหน่วยเผชิญเหตุฉุกเฉิน บูรณาการฐานข้อมูลด้านการจัดการภัยพิบัติและบริการทางการแพทย์ในเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการภัยพิบัติ และการปฏิบัติการกู้ชีพและกู้ภัยของหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันตามมาตรฐานสากล
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ภัยพิบัติมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและสลับซับซ้อนมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการสาธารณภัย เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะหน่วยงานกลางด้านการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยของประเทศ จึงได้ร่วมกับกรมการแพทย์ ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพทางการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและทางการแพทย์ ในวันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2553 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เป็นการพัฒนาต้นแบบของฃการปฏิบัติงานด้านสาธารณภัยเชิงบูรณาการระหว่าง 2 หน่วยงาน ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ด้านการพัฒนาศักยภาพของหน่วยเผชิญเหตุฉุกเฉิน จะมีการกำหนดแนวทางการเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ (MERT) และชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ในการเผชิญเหตุสาธารณภัย ที่มีความรุนแรงระดับ 3 ขึ้นไป 2) ด้านการปรับปรุงและพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการจัดการภัยพิบัติและบริการ ทางการแพทย์ในเหตุฉุกเฉินขนาดใหญ่ จะบูรณาการฐานข้อมูลร่วมกัน เพื่อให้การบัญชาการเหตุการณ์และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเกิดเอกภาพ 3) ด้านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นการเพิ่มโอกาส ในการยกระดับความรู้และศักยภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรทั้ง 2 ฝ่ายให้เป็นที่ยอมรับ มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งหวังว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการภัยพิบัติ และการปฏิบัติการกู้ชีพและกู้ภัยของหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินของประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกันตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากภัยพิบัติได้