กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. แจ้งผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (“TPROP”) ให้ใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียงในวาระการซื้อหุ้นสามัญและหนี้สินของบริษัท แปซิฟิค เอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่ง TPROP จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 กันยายน 2553 ทั้งนี้ เนื่องจากยังขาดข้อมูลสำคัญที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้น ได้แก่ (1) TPROP ยังไม่ได้ส่งและเผยแพร่รายงานทางการเงินสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2553 (2) ในเอกสารความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระยังไม่ได้ระบุถึงผลกระทบจากการที่ TPROP ไม่ส่งรายงานทางการเงินดังกล่าว และ (3) TPROP ยังไม่ได้แจ้งความคืบหน้าการดำเนินการตามที่ได้ระบุในสารสนเทศว่าจะจ่ายเงินซื้อหุ้นสามัญและหนี้สินของบริษัท แปซิฟิคฯ ให้แล้วเสร็จในวันที่ 14 กันยายน 2553 ซึ่งเป็นวันก่อนที่จะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
สืบเนื่องจาก TPROP ได้ซื้อหุ้นสามัญและหนี้สินของบริษัท แปซิฟิค เอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ด้วยวิธีการประมูลในวงเงินรวม 727 ล้านบาท รายการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ขนาดของรายการมีนัยสำคัญ โดยบริษัทมีหน้าที่ต้องเปิดเผยสารสนเทศการทำรายการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการทำรายการ
ทั้งนี้ TPROP ได้จ่ายเงินมัดจำ 72.7 ล้านบาทไปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 และระบุในสารสนเทศว่าจะต้องจ่ายเงินส่วนที่เหลือในวันที่ 14 กันยายน 2553 โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเปิดเผยว่า TPROP มีแผนที่จะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน 520 ล้านบาท และคาดว่าจะได้รับเงินจากการรับชำระหนี้และ/หรือจะกู้ยืมเงินจากกรรมการโดยไม่มีดอกเบี้ย 207 ล้านบาท
ก.ล.ต. เห็นว่าในการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นว่าจะอนุมัติให้ TPROP ทำรายการดังกล่าวหรือไม่ ผู้ถือหุ้นควรรู้ถึงฐานะการเงินของบริษัทที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด ดังนั้น ในขณะที่ TPROP ยังไม่ได้ส่งและเผยแพร่รายงานทางการเงินงวด 6 เดือนแรกของปี 2553 และในเอกสารความเห็นของที่ปรึกษาทาง
การเงินอิสระยังไม่ได้ระบุถึงผลกระทบของการไม่เผยแพร่รายงานทางการเงินดังกล่าว ประกอบกับ TPROP ได้กำหนดการชำระเงินสำหรับการทำรายการไว้เป็นวันที่ 14 กันยายน 2553 ซึ่งเป็นวันก่อนที่จะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่เมื่อพ้นวันดังกล่าว TPROP ไม่ได้แจ้งความคืบหน้าว่ามีการดำเนินการดังกล่าวหรือไม่ประการใด ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ลงทุนใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียง โดยควรซักถามผู้บริหารบริษัทถึงข้อมูลต่าง ๆ ให้กระจ่างในวันประชุมผู้ถือหุ้น และหากผู้ถือหุ้นไม่สามารถเข้าประชุมได้ก็ควรมอบฉันทะให้บุคคลอื่นใช้สิทธิแทน โดยระบุความเห็นในการออกเสียงไปในแบบฟอร์มการมอบฉันทะให้ชัดเจนเพื่อรักษาประโยชน์ของตนเอง