กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
“เวทีการประกวดนางสาวไทย มิใช่การคัดเลือกนางงามมาเป็นนางแบบ นักแสดง ดารา แต่มารับภารกิจเพื่อสังคม ประเทศชาติ ต้องเป็นสาวสวย รวยปัญญา จิตใจดี รักที่จะทำงานเพื่อสังคม เป็นแบบอย่างที่ดี” นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ในฐานะนายกสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานจัดการประกวดนางสาวไทย ปี 2553 กล่าวถึงคุณสมบัติของนางสาวไทย โดยปีนี้เวทีการประกวด นางสาวไทย ประจำปี 2553 กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้ว
นายกสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ เผยถึงคุณสมบัติของสาวงามที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนางสาวไทยว่า “เวทีการประกวดนางสาวไทยนับเป็นเวทีที่มีเกียรติและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ดังนั้นสาวงามที่มาประชันโฉมบนเวทีแห่งนี้ จึงต้องเป็นสาวงามที่เพียบพร้อมด้วยความสวยงามตามแบบสตรีไทย ไม่มีการสวมชุดว่ายน้ำบนเวที อุปนิสัยดี มีจิตสาธารณะ รวมทั้งการศึกษาที่ดี ซึ่งส่วนหนึ่งวัดจากการตอบคำถามที่ชาญฉลาด ในรอบสุดท้าย ที่เวทีนางสาวไทยให้ความสำคัญเสมอมา ดังนั้นผู้ที่จะเป็นนางสาวไทยนั้น ในความคิดของผมต้องไม่ใช่นางแบบ หรือนักเรียนนอกที่เหมือนจะมาเดินแบบ เดินแฟชั่น ส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักศึกษา เป็นหญิงสาวธรรมดาๆ แต่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว พร้อมที่จะมาเป็นนางสาวไทย เพื่อรับใช้สังคม ช่วยรณรงค์แก้ปัญหาสังคม ที่ผ่านมาเวลาคนนึกถึงนางสาวไทย มักจะนึกถึงภาพนางงามรักเด็ก ซึ่งนั่นคือภาพในสมัยอดีต ส่วนปัจจุบันจะเน้นการรณรงค์ช่วยสังคมตามภาวการณ์ เช่นในปี 2551 จะเน้นการลดภาวะโลกร้อน นางสาวไทยในปีนั้นจึงต้องมีความเข้าใจในเรื่องของการใช้พลังงานทดแทน ต่อมาในปี 2552 ที่การประกวดจะเน้นเรื่องการส่งเสริมสินค้า ภูมิปัญญาของคนไทย
เช่นเดียวกับปีนี้ 2553 นางสาวไทยจะร่วมรณรงค์ในการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยให้นางสาวไทยในปีนี้ เป็นตัวแทนของสตรีไทยที่จะช่วยรณรงค์ให้ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ดังนั้นปีนี้ ผู้เข้าประกวดทั้ง 18 คน จะได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำคลองเปรม เพื่อให้คนเหล่านั้นได้ตระหนักว่ายังมีคนที่พร้อมให้กำลังใจ และสังคมไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา ซึ่งการที่เหล่าสาวงาม 18 คนเดินเข้าไปยังเรือนจำนั้น จะสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทย เป็นสังคมที่พร้อมจะเป็นกำลังใจ และให้โอกาสแก่บุคคลที่แม้จะก้าวพลาด และเรียนรู้ที่จะเริ่มชีวิตใหม่เป็นคนดีของสังคม และจากกิจกรรมนี้ คาดหวังให้เหล่าสาวงามได้เห็นโลกอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างไปจากโลกที่สวยงามที่ตัวเองอยู่ จะได้เข้าใจโลกทั้ง 2 ด้าน รู้ถึงปัญหาอย่างลึกซึ้ง และสามารถบอกหรือเตือนคนในสังคมได้อย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นความแตกต่างจาก
เวทีการประกวดนางงามอื่นๆ ด้วยเหตุผลนี้เองจึงมีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมไม่ค่อยเห็น หรือรู้จักว่านางสาวไทย เป็นใคร หายไปไหน เพราะเมื่อก่อนภาพของนางสาวไทยจะเป็นดารา เห็นที่หน้าจอโทรทัศน์เป็นส่วนใหญ่ แต่ยุคนี้นางสาวไทยมีภารกิจที่ชัดเจน คือการช่วยเหลือสังคม และเป็น “ทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว” และปีนี้เพิ่มตำแหน่ง “ทูตการค้า” อีกด้วย
การประกวดนางสาวไทยปีนี้จะมีความยิ่งใหญ่กว่าทุกปี เพราะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ดังนั้นกองประกวดได้เลือกใช้เส้นทางนครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จัดกิจกรรมดำเนินตามรอยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ให้ผู้เข้าประกวด 18 คน ได้เยี่ยมชมอนุสรณ์สถานสำคัญต่างๆ ของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงเสริมสร้างเพื่อให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง เทียบเท่า อารยะนานาประเทศ เพียบพร้อมด้วยการศึกษาที่ก้าวไกล ทันสมัย ในช่วงระหว่างการเก็บตัว เพื่อให้สาวงาม ทั้ง 18 คน ได้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทยอีกด้วย”
การประกวดนางสาวไทยปี 2553 พร้อมแล้วที่จะค้นหาสตรีไทยที่มีทั้งความสวย ฉลาด และจิตใจดี มาดำรงตำแหน่งเป็น “นางสาวไทย คนที่ 46” โดยจะเปิดรับสมัครสาวงาม โสด อายุระหว่าง 18 - 25 ปี และส่วนสูงตั้งแต่ 165 เซนติเมตร สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ทาง http://www.mcot.net/missthailand ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือสมัครด้วยตนเองได้ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนถึง 3 ตุลาคม 2553 ที่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) พระราม 9
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์