กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
(กรุงเทพฯ) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมโหมกระแสปลุกคนไมซ์ ด้วยหลักสูตรฝึกอบรม “UFI Exhibition Management Degree” ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค (Regional Center) เร่งพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากรไมซ์ พร้อมเดินหน้าดันไทยสู่เบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรมไมซ์ในภูมิภาคเอเชีย เผยโครงการประสบความสำเร็จเร็วเกินความคาดหมาย มีผู้สนใจแห่สมัครจนเต็มทั้งไทยเทศน์ก่อนปิดรับสมัคร 31 มี.ค. นี้
ร.อ.ขจิต หัพนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ทาง สสปน.ได้ร่วมมือกับ UFI (the Global Association of the Exhibition Industry) ซึ่งเป็นองค์กรผู้เชี่ยวชาญการสร้างความรู้เพื่อธุรกิจไมซ์ระดับโลก และ ECE (the Transfer Centre for Exhibition, Convention and Event Management) แห่ง University of Cooperative Education ณ เมือง Ravensburg ประเทศเยอรมัน ดำเนินการจัดหลักสูตร Exhibition Management Degree ขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก สำหรับบุคลากรในวงการอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจและผู้ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจงานแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้มีโอกาสพัฒนาความรู้และศักยภาพในด้านการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติสู่มาตรฐานระดับสากล โดยประเทศไทยได้รับเกียรติจากอูฟี่ (UFI) ให้เป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมนี้
ซึ่งประเทศคู่แข่งอย่างจีน, สิงคโปร์ และเกาหลี ต่างช่วงชิงสิทธิในการจัดหลักสูตรฝึกอบรม
“เราได้รับความไว้วางใจในการลงนามสัญญาหลักสูตรต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยเริ่มต้นด้วยหลักสูตร UFI EMD Programme ที่จะเริ่มในเดือนมีนาคมนี้เป็นหลักสูตรแรก ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลักสูตรฝึกอบรมมาตรฐานระดับโลกสำหรับธุรกิจไมซ์ นอกจากนี้ สสปน. ยังร่วมมือกับสมาคมการแสดงสินค้าไทย และสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) เพื่อจัดหางานรองรับผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรนี้จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่” ร.อ.ขจิตกล่าว
ปัจจุบันอุตสาหกรรมไมซ์หรือธุรกิจการจัดประชุมสัมมนา การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล รวมถึงการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นปีละกว่า 20 % และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2549 ที่ผ่านมาสามารถดึงดูดนักธุรกิจกลุ่มไมซ์เข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวน 677,500 คน และสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 50,000 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมในด้านศูนย์ประชุม สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและอาหารไทยที่เลื่องชื่อ ตลอดจนกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคได้ และสำหรับเป้าหมายในปี 2550 หากสามารถดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ คาดว่าจะมีนักธุรกิจกลุ่มไมซ์เพิ่มขึ้นเป็น 870,000 คน สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท
ทางด้านนางสาวพอใจ พุกกะคุปต์ กรรมการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการว่า “ขณะนี้มีผู้สนใจสมัครเข้ารับการอบรมจากวงการอุตสาหกรรมไมซ์และบรรดาอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งคนไทยและต่างชาติถึง 32 คนแล้ว โดยมีคนไทยจำนวน 15 คนและต่างชาติถึง 17 คน จาก 9 ประเทศ ซึ่งเดิมเราตั้งเป้าไว้ที่ 25 คน คือ คนไทย 15 คน และต่างชาติจำนวน 10 คนเท่านั้น สำหรับจุดเด่นที่น่าสนใจของหลักสูตรดังกล่าว คือ EMD เป็นหลักสูตรการจัดการด้านพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติระดับโลก โดยมีเนื้อหาหลักสูตรครอบคลุมการบริหารโครงการ การพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ การจัดการความเสี่ยง การจัดการด้านทรัพยากรบุคคล และการควบคุมค่าใช้จ่าย นอกจากคอร์สจะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาโปรแกรมแล้ว คอร์สนี้ยังกระตุ้นให้ผู้เรียนศึกษาด้านการวิจัยตลาดในเชิงลึก และการตลาดสำหรับงานนิทรรศการ โดยเน้นในเรื่องของ CRM, การประชาสัมพันธ์ การจัดการเรื่องผู้สนับสนุน การตลาดงานอีเวนท์พิเศษ ตลอดจนการเรียนรู้ด้านโลจิสติกส์ การผลิตฉากนิทรรศการ การจัดการคู่ค้าผู้ให้บริการร่วม รวมถึงการจัดการสถานที่และข้อมูล ภายใต้การดูแลของครูผู้สอนประสบการณ์สูงจากประเทศต่างๆ ที่จะมาร่วมทำการฝึกอบรมจำนวน 20 ท่าน โดยกลุ่มเป้าหมายของหลักสูตรฝึกอบรมนี้ คือ ผู้ประกอบการของคนไทยและต่างชาติ ค่าใช้จ่ายต่อหลักสูตร ประมาณ 1.7-2 แสนบาทต่อคน ”
“รายละเอียดของคอร์สอบรม EMD ครอบคลุมการเรียน 150 ชั่วโมง โดยมีการสัมมนาในสถานที่ทำงานจริงและการเรียนผ่านระบบ E - Learning ส่วนคอนเซปต์พื้นฐานของหลักสูตร ก็คือการฝึกอบรมแบบที่ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติงานจริงโดยมีการเรียนผ่านระบบอินเตอร์เน็ทเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถของคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ คุณประโยชน์ที่บุคคลผู้สำเร็จการศึกษาในโปรแกรม UFI EMD จะได้รับคือ ความสามารถในการจัดการงานนิทรรศการและศูนย์การประชุม ซึ่งการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุมที่ประสบความสำเร็จย่อมต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการด้านอุตสาหกรรมการประชุมโดยตรง โปรแกรมนี้ได้ถูกวางหลักสูตรโดยเฉพาะสำหรับนักจัดงานนิทรรศการและการประชุม สมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม หน่วยงานราชการ ผู้จัดการนิทรรศการ และองค์การต่างๆ ซึ่งรวมถึงผู้จัดการโครงการระดับอาวุโส และระดับกลางที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการพัฒนาและการปฏิบัติการด้านนิทรรศการ การประชุม และอีเวนท์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ” นางสาวพอใจ กล่าวเสริม
ร.อ.ขจิต หัพนานนท์ กล่าวปิดท้ายว่า การเปิดหลักสูตร UFI EMD Programme โดยร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่างอูฟี่ (UFI) ถือเป็นโครงการใหญ่ของสสปน. เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรไมซ์ โดยการเพิ่มทักษะความรู้ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยก้าวสู่ชั้น
แนวหน้าของภูมิภาค ตามเป้าหมายการพัฒนาและผลักดันประเทศไทยให้เป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรม MICE ในระดับภูมิภาคอาเซียน ให้ได้ภายในปี 2553” นี้
โปรแกรม Exhibition Management Degree หรือ EMD จะมีขึ้นครั้งแรกในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 26-31 มีนาคม 2550 นี้ ส่วนการสัมมนาระบบ E - Learning จะจัดขึ้นระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคมที่จะตามมา ปิดท้ายด้วยการเรียนในสถานที่จริงในระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคมถึง 4 สิงหาคม 2550
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net