กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--ปภ.
ช่วงนี้หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มแล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเช่นกัน โดยเฉพาะการขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังมีความเสี่ยงสูงที่รถจะถูกกระแสน้ำพัดจมน้ำหรือดินถล่ม ปิดทับเส้นทาง เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงขอแนะนำวิธีปฏิบัติตน
กรณีประสบอุบัติเหตุรถจมน้ำ และดินถล่มปิดทับเส้นทาง ดังนี้
กรณีรถตกน้ำใหม่ๆ รถจะยังไม่จมน้ำลงไปในทันที แต่จะค่อยจมทีละน้อย และน้ำยังไม่เข้าห้องโดยสาร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องควบคุมสติ และรีบปลดเข็มขัดนิรภัย อย่าพยายามออกแรง เพื่อรักษาระดับออกซิเจนในร่างกายไว้ พร้อมปลดล็อกประตูรถทุกบาน แล้วเปิดกระจกรถทุกบาน เพื่อใช้เป็นทางออกจากตัวรถ หากเป็นรถที่ใช้ระบบไฟฟ้า การทำงานอาจขัดข้องจนไม่สามารถเปิดกระจกได้ ให้ใช้ค้อน เหล็ก หรือของแข็งทุบกระจกด้านข้าง ไม่ควรทุบกระจกด้านหน้าหรือด้านหลัง เพราะเป็นกระจกนิรภัยจะแตกยากกว่า
กรณีรถจมน้ำทั้งคัน หากไม่สามารถเปิดประตูรถได้ ไม่ควรไขหรือทุบกระจก เพราะน้ำจะไหลเข้ามากระแทก ทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือสลบได้ ให้ยกศีรษะขึ้นเหนือน้ำ และรอให้น้ำไหลเข้ารถจนมีระดับใกล้เคียงกัน เพื่อให้แรงดันน้ำภายในและภายนอกเท่ากัน จะช่วยให้เปิดประตูรถได้ง่ายขึ้น จากนั้นให้รีบออกจากรถ
วิธีช่วยเหลือตนเองขึ้นจากน้ำ ในการลอยตัวขึ้นเหนือน้ำจะรู้สึกเหมือนถูกน้ำดูดจนไม่สามารถว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำได้ เนื่องจากแรงดันของรถจะทำให้ผู้ประสบเหตุจมน้ำลึกขึ้น ให้ปล่อยตัวอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก แล้วจึงค่อยๆว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ หากระดับน้ำลึกมาก จนมองไม่เห็นผิวน้ำ ให้ปล่อยตัวลอยขึ้นเหนือน้ำตามแรงโน้มถ่วง หรือใช้วิธีเป่าปากดูว่าฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางนั้น
ดินถล่มปิดทับเส้นทาง หากต้องขับรถผ่านพื้นที่ลาดเชิงเขา หรือเขาสูงชันในขณะที่ฝนตกหนักหรือภายหลังฝนตกหนักบนพื้นที่ยอดเขา ผู้ขับรถควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น ไม่ขับรถเร็วและหมั่นสังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ หากสังเกตพบว่าน้ำที่ไหลผ่านร่องน้ำข้างถนนเปลี่ยนสีเป็นสีเดียวกับดินบนภูเขา หรือได้ยินเสียงดังจากบนภูเขาให้ตั้งสติให้มั่น ขับรถออกจากบริเวณดังกล่าวอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นจะปลอดภัยมากกว่า
กรณีมีดินถล่มลงมาปิดทับเส้นทาง ควรหยุดรถในบริเวณที่ปลอดภัย พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และรอจนกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ อย่านำรถออกจากจุดเกิดเหตุ เพราะสภาพถนนที่แคบและโค้งชัน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ในช่วงนาทีวิกฤต การมีสติ และการเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างถูกต้อง นอกจากจะทำให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังช่วยลดความรุนแรงของสถานการณ์ได้อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2243-2200 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมป้องกันฯ