ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยา แนวโน้มมีเสถียรภาพ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 1, 2010 14:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY และแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ แนวโน้มมีเสถียรภาพของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวสะท้อนความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของ BAY ที่ฟิทช์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีสภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นเป็นปัจจัยสนับสนุน และสถานะเงินกองทุนจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เนื่องจากธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ (9%) และเงินฝาก (8%) ในสัดส่วนที่ค่อนข้างใหญ่ จึงมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหากมีความจำเป็น รายละเอียดอันดับเครดิตแสดงอยู่ด้านล่าง ผลการดำเนินงานของ BAY ในปี 2552 และครึ่งแรกของปี 2553 ยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก ปี 2551 ที่รายได้มีการเติบโตอย่างสูง เนื่องจากการซื้อสินทรัพย์ประเภทสินเชื่อลูกค้ารายย่อย อย่างไรก็ตามอัตราการเติบโตน่าจะปรับตัวลดลงตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากธนาคารไม่มีแผนที่จะซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมจากผู้ประกอบการรายอื่น ต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวลดลงและสินเชื่อรายย่อยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ช่วยให้อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม สินเชื่อรายย่อยปัจจุบันมีสัดส่วนเป็น 42% ของสินเชื่อรวม ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และ สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีสัดส่วนเป็น 30% และ 28% ของตามลำดับ คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารได้ปรับตัวดีขึ้นแต่ยังคงอยู่ในระดับที่อ่อนแอกว่าธนาคารอื่น โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 50.0 พันล้านบาท หรือ 8.1% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 ลดลงจาก 52.5 พันล้านบาท หรือ 8.7% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2552 การสรุปการจำหน่ายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 5.3 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 น่าจะส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 6% ณ สิ้นปี 2553 สำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมโดยอยู่ที่ 81% ของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 แม้ว่าอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากจะสูงกว่าธนาคารขนาดใหญ่ แต่สาเหตุมาจากการระดมเงินทุนจากตลาดทุนมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสินทรัพย์ หลังจากที่ธนาคารมีการซื้อสินทรัพย์ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เข้ามาเพิ่ม อย่างไรก็ตามสภาพคล่องของ BAY อยู่ในระดับคงที่ใกล้เคียงกับธนาคารขนาดใหญ่ โดยอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องอยู่ในระดับที่สูงกว่า 20% ระดับเงินกองทุนของธนาคารแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในปี 2550 จากการเพิ่มทุนโดย GE Capital International Holdings Corporation (GECIH) แม้ว่าเงินกองทุนของธนาคารปรับตัวลดลงเนื่องจากการเข้าซื้อกิจการแต่ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง การออกหุ้นกู้ระยะสั้นในเดือนมิถุนายน 2553 ยังช่วยให้เงินกองทุนชั้นที่ 2 แข็งแกร่งขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 เงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 12.0% และ 17.7% ตามลำดับ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘BBB-’ และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘A+(tha)’ เป็นไปตามหลักการของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตของตราสารดังกล่าวในระดับที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของผู้ออกตราสาร หรืออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอยู่ 1 อันดับเนื่องจากปราศจากคุณลักษณะของการรองรับผลขาดทุนของธนาคาร หากคุณภาพสินทรัพย์ สำรองหนี้สงสัยจะสูญ และผลการดำเนินงานมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งมีการรักษาสถานะเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง อาจมีผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ในขณะที่คุณภาพสินทรัพย์และสถานะเงินกองทุนที่อ่อนแอลง อาจมีผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน BAY ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 และเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย GECIH ผู้ถือในสัดส่วน 33% กลุ่มรัตนรักษ์มีสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารอยู่ที่ 25% ธนาคารถือหุ้นในบริษัทอื่นๆในเครือซึ่งดำเนินธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิต ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจบริหารกองทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ