กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--เจนเนอรัล มอเตอร์ส
เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประกาศการควบรวมกิจการ AmeriCredit Corp. มีผลเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 โดยได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ AmeriCredit เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายใต้ชื่อเจนเนอรัล มอเตอร์ส ไฟแนนเชียล คอมพานี อิงค์ (จีเอ็ม ไฟแนนเชียล)
การควบรวมกิจการในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อต่อยอดในการสร้างเครือข่ายด้านการเงิน และจะส่งเสริมให้จีเอ็มสามารถนำเสนอทางเลือกด้านการเงินและสินเชื่อรถยนต์แก่ลูกค้าทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยจีเอ็ม ไฟแนนเชียล จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายของจีเอ็มเพื่อเพิ่มทางเลือกด้านการเงินและสินเชื่อรถยนต์ รวมไปถึงโปรแกรมสินเชื่อใหม่ ๆ ประจำภูมิภาคที่จะเปิดตัวภายในปลายไตรมาสแรกของปี 2554
เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ทางผู้ถือหุ้นของ AmeriCredit ลงนามอนุมัติในสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 108,500 ล้านบาท) บริษัทฯ จะยื่นจดหมายเพื่อการควบรวมกิจการดังกล่าวนี้ต่อสำนักเลขานุการรัฐเท็กซัส ในวันที่ 30 กันยายน 2553 และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป
“การควบรวมกิจการในครั้งนี้จะทำให้จีเอ็มสามารถเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย และยังจะสามารถสร้างศักยภาพทางกลยุทธ์ให้แก่จีเอ็มอีกด้วย” คริส ลิดเดลล์ รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน กล่าว “การดำเนินการซื้อขายที่รวดเร็วนี้ แสดงให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของจีเอ็มในปัจจุบัน เมื่อเราเห็นโอกาสเราจะดำเนินการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างรวดเร็ว ทันท่วงที”
“แม้ว่าชื่อบริษัทจะเปลี่ยน แต่พันธสัญญาที่มีต่อลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายยังคงมีมากมายเช่นเดิม” แดน เบิร์ซ ประธานฝ่ายการเงินและประธานบริหาร กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นสมาชิกในครอบครัวจีเอ็มและเฝ้ารอโอกาสใหม่ๆ ที่กำลังจะมาถึง”
การก่อตั้งจีเอ็ม ไฟแนนเชียล จะช่วยเสริมศักยภาพทางกลยุทธ์ด้านการเงินและสินเชื่อรถยนต์ให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ พันธมิตรหลักอย่างอัลลี่ ไฟแนนเชียล ยังคงให้บริการด้านการเงิน และสินเชื่อเพื่อตัวแทนจำหน่ายต่อไป
ด้วยสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่ราว 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 31,000 ล้านบาท) ทำให้การควบรวมกิจการในครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีงบดุลของจีเอ็ม และไม่กระทบถึงเป้าหมายในการลงทุนที่แข็งแกร่งของจีเอ็ม บริษัท จีเอ็ม ไฟแนนเชียล ยังคงได้รับเงินสนับสนุนการลงทุนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยจะรายงานผลประกอบการแยกต่างหากจากผลประกอบการของจีเอ็ม และรายงานผลในฐานะผู้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์