กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--แมนดอม คอร์ปอเรชั่น
แมนดอม คอร์ปอเรชั่น ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมจากแดนซามูไร ประกาศรุกหนักตลาดเมืองไทย ตั้ง “ ดีทแฮล์ม ” คุมเข้มด้านดิสทริบิวเตอร์ หวังกระจายสินค้าครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมทุ่มงบ 70 ล้านปั้นแบรนด์ “ แกสบี้ ” ขึ้นผู้นำตลาด ล่าสุดเตรียมส่งผลิตภัณฑ์แว็กซ์น้องใหม่ “ ทัฟ แอนด์ ไชน์ ” เอาใจขาโจ๋คลั่งแฟชั่นพั้งค์ หวังโกยยอดขายปี 50 ทะลุ 300 ล้านบาท
มร. อัทสึชิ คิดะ ประธาน บริษัท แมนดอม คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ภายใต้ชื่อ “ แกสบี้ ” เปิดเผยว่า ด้วยนโยบายของบริษัทที่มุ่งสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม “ แกสบี้ ” ให้ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมในประเทศไทย ล่าสุดบริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือแมนดอมทั้งหมด โดยการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับดีทแฮล์มในครั้งนี้ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีวางจำหน่ายผ่านทางร้านค้าครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้ บริษัทเตรียมงบประมาณด้านโฆษณาและส่งเสริมการขายรวม 70 ล้านบาท โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แว็กซ์แต่งผม ภายใต้แบรนด์ “ทัฟ แอนด์ ไชน์” ในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อต้องการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มแว็กซ์แต่งผมให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมสู่ตลาดผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละปีบริษัทจะพัฒนาสินค้าใหม่ออกวางจำหน่ายประมาณ 50 รายการต่อปี จากปัจจุบันที่อยู่ 131 รายการ โดยมีทั้งหมด 9 ยี่ห้อ ได้แก่ แกสบี้, พูเซลล์, ลาวีเลีย, สไตล์อัพ, มิราโทน, ตันโจ, ลูซิโด้, ลูซิโด้-แอล และแมนดอม
“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมในเครือแมนดอม เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมากขึ้น ดังนั้นการที่บริษัทได้ดีทแฮล์มฯ เข้ามาเป็นพันธมิตรช่วยกระจายสินค้าไปสู่ร้านค้าทั่วไปมากขึ้น ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะสามารถเข้าถึง และทำให้ลูกค้าสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่งผลให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 16% และสิ่งสำคัญคือทำให้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม แกสบี้ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมของเมืองไทยได้อย่างแน่นอน” มร.อัทสึชิ คิดะ กล่าวและว่า
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ในเครือแมนดอม มีฐานการผลิตหลักอยู่ใน 3 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน และอินโดเนีเซีย และมีการส่งออกไปกว่า 100 ประเทศในแถบเอเชียและตะวันออกกลาง โดยผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม แกสบี้ นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตสูงสุดในไทยและเอเชีย โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายสูงถึง 230 ล้านดอลล่าร์ หรือคิดเป็น 450 ล้านชิ้นทั่วโลก นอกจากนี้ แกสบี้ยังเป็นแบรนด์ที่มียอดขายเป็น อันดับ 1 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงามสำหรับผู้ชาย ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 45% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม รองลงมาคือผลิตภัณฑ์น้ำหอม 35%, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 31% และผลิตภัณฑ์ทำสีผม 28% สำหรับตลาดในประเทศไทย ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการรวม 260 ล้านบาท ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะมีผลประกอบการรวม 301 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น16% รวมทั้งปีนี้บริษัทมีเป้าหมายจะสร้างแบรนด์แกสบี้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตลาดจัดแต่งทรงผม จากเดิมอยู่อันดับ 3 มีส่วนแบ่งการตลาด 12% โดยสินค้ากลุ่มจัดแต่งทรงผมภายใต้บริษัทแมนดอมฯ ซึ่งรวมทั้งแกสบี้ด้วยนั้น มีส่วนแบ่งตลาด 19% ของตลาดรวม ที่มีมูลค่าประมาณ 630 ล้านบาท ซึ่งนับว่าแมนดอมฯ เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของตลาดผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมในเมืองไทย คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนการเมือง แต่ที่สุดแล้วเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถพลิกฟื้นและเรียกความมั่นคงต่างๆกลับขึ้นมาได้ รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นพวกชื่นชอบในแฟชั่น และชอบความนำสมัยมากกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้เชื่อว่าผู้บริโภคที่สนใจกลุ่มผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมยังมีอยู่สูง และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา
“จากนี้ไปส่วนแบ่งการตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์พื้นฐานต่างๆ มีแนวโน้มว่าจะปรับลดลงเรื่อยๆ เช่น เจลแต่งผม ฯลฯ แต่ในทางตรงข้ามผลิตภัณฑ์แต่งผมประเภทแว็กซ์ และโฟมจะมีอัตราการเติบโตอย่างมาก บริษัทจึงมีเป้าหมายที่จะทำให้ Product Positioning ของผลิตภัณฑ์ในเครือเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนให้บริษัทประสบความสำเร็จ คือ นวัตกรรมใหม่ด้านผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่าย ทำให้บริษัทยังคงมุ่งมั่นสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่ให้มูลค่าเพิ่ม แต่ทั้งนี้ก็ต้องแน่ใจด้วยว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นี้ต้องเหมาะสมกับช่องทางการขายที่หลากหลายด้วยเช่นกัน” มร. อัทสึชิ คิดะ กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่จี-จีรนันท์ มีผา 086-3925335
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net