ไซแมนเทคเปิดเผยผลวิจัยระดับโลกที่บ่งชี้ว่า ดาต้าเซ็นเตอร์กำลังประสบกับปัญหาและความท้าทายอย่างหนักหน่วง

ข่าวทั่วไป Wednesday June 13, 2007 14:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--เอพีพีอาร์ มีเดีย
ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีต้องมองหาแนวปฏิบัติที่เหมาะสมในการควบคุมดาต้าเซ็นเตอร์อันซับซ้อน
ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยวันนี้ถึงผลการศึกษาวิจัยล่าสุดที่พบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีทั่วโลกต่างกำลังต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคอันเกิดจากความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นในการจัดการกับดาต้าเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกันก็มีงบประมาณที่จำกัดและขาดบุคลากรรองรับที่เพียงพอ โดยผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ความท้าทายในด้านการเพิ่มความสะดวกในการจัดการจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายและต่างแนวทางกันไป ซึ่งรวมไปถึงการบริหารพื้นที่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage capacity management) เวอร์ชวลไลเซชั่น (Virtualization) และแนวปฏิบัติแบบอินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยีอิฟราสตรัคเจอร์ไลบรารี (ITIL - Information Technology Infrastructure Library)
ความท้าทายอันเกิดจากปริมาณของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบุคลากร
ผลสำรวจระบุว่า ปริมาณของเซิร์ฟเวอร์ แอพพลิเคชั่น และระบบปฏิบัติการที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความซับซ้อนในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความเห็นว่า ปริมาณของเซิร์ฟเวอร์และแอพพลิเคชั่นเป็นตัวสร้างความซับซ้อนมากที่สุด ในขณะที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามมองถึงเครื่องมือจัดการระบบต่างๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหา และกว่า 72 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าระบบปฏิบัติการที่หลากหลายเป็นต้นตอของความซับซ้อนในดาต้าเซ็นเตอร์
กว่า 74 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความเห็นว่า การลดจำนวนองค์ประกอบเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดในการจัดการกับความซับซ้อนของดาต้าเซ็นเตอร์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า ความผิดพลาดจากมนุษย์มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาต้องปิดระบบแบบไม่คาดคิด ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามได้ระบุว่า สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดดาวน์ไทม์ (downtime) ของระบบ มักประกอบไปด้วยความผิดพลาดของโปรแกรม ความผิดพลาดของมนุษย์ และความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการนำเครื่องมืออัตโนมัติแบบรวมศูนย์กลางเข้ามาใช้เพื่อเสริมความพร้อมของแอพพลิเคชั่นให้มากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีต้องการกระบวนการที่ควบรวมและกระชับ
กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ปริมาณเครื่องมือจัดการที่เพิ่มขึ้นถือเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อความจำเป็นในการควบรวมระบบและสร้างมาตรฐานการปฏิบัติ โดยเฉลี่ยแล้วผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ใช้เซิร์ฟเวอร์และเครื่องมือจัดการแอพพลิเคชั่นมากถึง 9 รายการ และกว่าครึ่งมีแผนที่จะควบรวมชุดเครื่องมือต่างๆ ให้กระชับขึ้น โดยปัจจัยหลักที่ใช้เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมก็คือฟังก์ชั่นหรือสมรรถนะของโปรแกรม ต้นทุน และแพลตฟอร์มการควบรวม
99 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกระบุว่าได้ดำเนินงานตามแนวปฏิบัติ ITIL/ITSM เพื่อจัดการกับบริการด้านไอที สร้างมาตรฐานให้กระบวนการต่างๆ เพื่อลดความซับซ้อนของระบบ โดยมี 18 เปอร์เซ็นต์ได้เริ่มดำเนินการตามแนวปฏิบัติ ITIL แล้ว ส่วนอีก 52 เปอร์เซ็นต์กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน และอีก 20 เปอร์เซ็นต์มีแผนที่จะนำ ITIL มาใช้ในปีหน้า ที่เหลืออีก 9 เปอร์เซ็นต์จะเริ่มดำเนินงานตามแผน ITIL ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีใช้หลายแนวทางเพื่อจัดการกับความซับซ้อนบนดาต้าเซ็นเตอร์
นอกจากการนำ ITIL มาใช้แล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทียังระบุด้วยว่า มีการวางแผนหรือได้นำแนวทางอื่นๆ เข้ามาใช้ควบคู่ไปด้วยเพื่อจัดการกับความซับซ้อนบนดาต้าเซ็นเตอร์:
- ระบบจัดสรรพื้นที่และทรัพยากรอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (87% ของผู้ตอบแบบสอบถาม)
- ระบบจัดการเวอร์ชวลเซิร์ฟเวอร์ (80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม)
- ระบบบริหารพื้นที่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (68 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม)
- ระบบเสริมความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและการกอบกู้ระบบจากภัยพิบัติ (68 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม)
- ระบบเสริมความพร้อมของแอพพลิเคชั่น (64 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม)
รายงานระบุความจำเป็นในด้านการสร้างมาตรฐาน
เพื่อให้สามารถจัดการกับความซับซ้อนบนดาต้าเซ็นเตอร์ได้สะดวก ไซแมนเทคจึงแนะนำให้บริษัทต่างๆ สร้างมาตรฐานภายใต้สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์หนึ่งเดียวที่สามารถรองรับแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้อย่างทั่วถึง ช่วยปกป้องข้อมูลและแอพพลิเคชั่นสำคัญ เสริมคุณภาพระดับบริการของดาต้าเซ็นเตอร์ ปรับปรุงอัตราการใช้งานของเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และลดต้นทุนปฏิบัติการของบริษัท
"ดาต้าเซ็นเตอร์ในทุกวันนี้กำลังอยู่ในสภาวะที่ถูกกดดันอย่างหนักและสถานการณ์ก็ดูเหมือนว่าจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ" นายนพชัย ตั้งไตรธรรม ที่ปรึกษาทางเทคนิค บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น กล่าว "หากดาต้าเซ็นเตอร์หมายถึงการตอบโจทย์ความคาดหวังในด้านการปกป้องและเพิ่มความพร้อมของแอพพลิเคชั่นสำคัญให้ดีขึ้น แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับงบประมาณที่บีบรัด นั่นหมายถึงว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้สามารถควบคุมดาต้าเซ็นเตอร์และดูแลระบบและเครื่องมือที่หลากหลายซึ่งไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยซอฟต์แวร์ดาต้าเซ็นเตอร์ของ เวอริทัส ถือเป็นโซลูชั่นหนึ่งเดียวที่ทำงานได้บนแพลตฟอร์มที่หลายประเภท ให้การปกป้องข้อมูล ช่วยดูแลการจัดเก็บข้อมูล และให้ความพร้อมของระบบได้บนทุกระบบปฏิบัติการหลัก บนแพลตฟอร์มอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขั้นนำ และบนระบบฐานข้อมูลทุกประเภท เรียกว่าเป็นอาวุธลับสำหรับองค์กรในการรับมือกับความซับซ้อนบนดาต้าเซ็นเตอร์ก็ว่าได้"
เกี่ยวกับรายงานสถานการณ์ของดาต้าเซ็นเตอร์
การศึกษาวิจัยในรายงาน สถานการณ์ของดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นรายงานชุดซึ่งประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักที่เน้นไปในด้านแนวโน้มที่น่าสนใจและความท้าทายของผู้จัดการที่ดูแลดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเริ่มสำรวจเมื่อเดือนเมษายน 2550 ซึ่งในส่วนแรกของรายงานดังกล่าวมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามมากกว่า 500 ราย ซึ่งทำงานอยู่กับระบบในองค์กรชั้นนำในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย
เกี่ยวกับ ไซแมนเทค
ไซแมนเทค เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่องค์กรและผู้บริโภคภายใต้โลกที่เชื่อมต่อถึงกัน และยังช่วยปกป้องโครงสร้างพื้นฐานระบบไอที ข้อมูลสารสนเทศ และการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ด้วยซอฟต์แวร์และบริการที่ช่วยจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ความพร้อมของระบบ คอมไพลเอนซ์ และสมรรถนะ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่คิวเปอร์ติโน มลรัฐแคลิฟอร์เนีย และมีศูนย์ปฏิบัติการในกว่า 40 ประเทศ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.symantec.com
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: บริษัท เอพีพีอาร์ มีเดีย จำกัด
คุณจารุณี สินชัยโรจน์กุล, คุณฐิติมา ราชสมบัติ
โทรศัพท์ : 02-655-6633, 081-488-8442, 081-342-6261
โทรสาร: 02-655-3560 Email: jarunee@apprmedia.com , thitima@apprmedia.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ