กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--เจเอสแอล
รายการ สุริวิภา วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคมนี้ อาจจะดูแปลกตาไปสำหรับแขกรับเชิญของรายการในคืนนี้ เธอคนนี้ “เบส-อรพิมพ์ รักษาผล” สาวน้อยวัย 24 ปี เจ้าของฉายานักพูดล่าความกตัญญู-นักพูดร้อยศพ เจ้าของรางวัล เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ปี 2546 , เยาวชนดีเด่นสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2545 , รางวัลนักเรียนพระราชทาน , ลูกกตัญญูดีเด่นแห่งชาติ ปี 2551 , วิทยากรดีเด่นระดับชาติ ฯลฯ เธออาจไม่สามารถเป็นแรงบันดาลใจในด้านการประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง แต่เธอคนนี้ คือแรงบันดาลใจในการชีวิต ที่พร้อมจะใช้ทุกลมหายใจทำเพื่อคนอื่น เพื่อให้ทุกคนหันมาเห็นคุณค่าของตัวเอง เป็นคนดีของสังคม และกตัญญูต่อพ่อและแม่ แต่ทุกอย่างที่เธอมุ่งมั่นทำในวันนี้ เธอทำเพื่อขอไถ่บาปที่ครั้งหนึ่งเธอเคยชีวิตแบบมืดบอด เคยทำผิดพลาด แต่ก่อนที่จะสูญเสียคนที่รักเธอที่สุดไป จิตวิญญาณของความกตัญญูก็ถูกปลุกขึ้น
“เริ่มจากการเป็นนักพูดเพื่อล่ารางวัล ตอนนี้เป็นนักล่าความกตัญญู อยากให้มีความกตัญญูเกิดขึ้นในสังคมไทย สิ่งที่ทำทุกวันนี้ เพื่อเป็นการไถบาปที่เคยทำผิด ทำพลาด เป็นลูกไม่ดี ทำไม่ดีกับพ่อแม่ ที่อยู่บนเส้นทางนี้มาได้ 10 ปี หวังที่จะช่วยเปลี่ยนให้สังคมดีขึ้น เริ่มเป็นนักพูดตั้งแต่อายุ 13 ปี อยู่ชั้น ม.1 ครูเห็นว่าเสียงดี เลยให้ลองพูดสุนทรพจน์ พอชนะการประกวดมากขึ้น ครูอยากให้เบสเป็นที่รู้จัก เลยลองให้พูดตามงานศพ พูดสุนทรพจน์ 5 นาที และร้องเพลงอีก 3 นาที งานแรกๆ ไม่รู้สึกอินเลยเหมือนพูดตามสคริปต์ จนมีครั้งหนึ่งไปงานศพคุณแม่ท่านหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา เข้ามาบอกว่า ตามหาเบสอยากขอบคุณ เพราะเขาเคยฟังเบสพูดในงานศพแม่ของเพื่อนเขา แล้วทำให้เขาคิดได้ แม่เขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ไม่เคยไปดูแลเลย หลังจากฟังจบเขากลับไปดูแลแม่ใช้เวลาอยู่กับแม่ จนลมหายใจสุดท้าย เขาบอกว่า งานเบสดูไม่มีค่า แต่มันได้เปลี่ยนชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง เบสมาคิดว่า สิ่งที่เราพูดแค่ 5 นาที มันเปลี่ยนคนๆ หนึ่งได้จริงหรอ ตอนนี้เบสอยากเจอเขา อยากบอกเขาว่า เขารู้มั้ยว่า เขาทำให้เบสมีวันนี้ได้ และทำให้เบสบอกตัวเองว่า ฉันต้องก้าวต่อไปบนเส้นทางสายนี้ ทำให้มากกว่านี้ เปลี่ยนคนให้ได้มากกว่านี้
สิ่งที่ทำเบสขอทำเพื่อไถ่บาป ในสิ่งที่เคยทำไม่ดีไว้ ตอนเด็กๆ เบสเกเรมาก เพราะฐานะทางบ้านค่อนข้างดี เป็นคนเอาแต่ใจ ถูกตามใจทุกอย่าง อยากได้อะไรต้องได้ ไม่เคยลำบากเลย เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางทุกอย่าง ตอนม.1 แม่ส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่ราชบุรี ตอนนั้นโกรธมาก ไม่เข้าใจ ทำไมแม่ต้องส่งเราไปลำบาก มันเป็นความโกรธที่เก็บเอาไว้ตลอดเวลา วันหยุดเราก็จะไม่กลับบ้าน ก็อยากให้มาอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอทำไมต้องกลับ จนวันที่เป็นเหมือนจุดเปลี่ยน จิตสำนึกของความกตัญญูถูกปลุกขึ้นมา ช่วงนั้นเป็นช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตกที่บ้านเหมือนล้มละลาย จำได้เลยว่า จากเคยนั่งรถทัวร์ต้องขึ้นรถไฟชั้น 3 แทน แล้วแม่ให้เงินมาเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้แม่บอกว่า มีเงินอยู่แค่ 250 เบสเอาไป 150 แม่ขอไว้ 100 เอาไว้ซื้อข้าวให้พ่อนะ ตอนนั้นจำได้ติดตาเลยว่า เอื้อมมือไปขยำเงินในมือแม่แบบไม่พอใจ แล้วเดินหันหลังขึ้นรถไฟเลย แม้จะได้ยินเสียงสะอื้นของแม่ ก็ไม่สนใจ รู้สึกแบบเห็นแก่ตัว ว่าทำไมแม่ต้องทำให้เรลำบาก จนวันที่เหมือนลมหายใจแม่จะถูกพรากไป
วันนั้นเป็นวันที่ต้องกลับบ้านเพราะเราไม่ได้กลับบ้านมา 2 เดือนแล้ว แม่ก็โทรมาขอให้เรากลับบ้านนะ แม่สัญญาว่าจะมารับที่ท่ารถ จากบ้านมาท่ารถประมาณ 30 กิโลเมตร แม่ต้องขับมอเตอร์ไซค์มา ปกติแม่จะเหมือนมีลางสังหรณ์คือถ้าเจ็บหน้าอกจะมีคนใกล้ตัวเป็นอะไร วันนั้นแม่เจ็บหน้าอกก็เลยเป็นห่วงเบสมาก ที่บ้านไม่มีโทรศัพท์ ต้องขี่จักรยานออกมาใช้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อถามคนขับรถตลอด ว่าเบสอยู่ไหนแล้ว 3-4 รอบ จนสุดท้ายคนขับบอกว่าใกล้ถึงแล้วออกมารับได้เลย ด้วยความรีบ แม่ขับรถจะเลี้ยวออกจากซอยบ้าน มีมอเตอร์ไซค์แบบแต่งขับมาแค่เฉี่ยว แต่ขาตั้งรถคันนั้นแทงขาแม่แล้วลากแม่พร้อมรถไปด้วย แต่แม่มีสติมาก ตอนคนมารุมยังบอกว่า เบสจะกลับมา ไปรับเบสด้วย พอเป็นคนอื่นมารับ ด้วยโทสจริตก็ยังโมโหแม่ว่า ทำไมผิดสัญญา จะทำให้ลำบากไปถึงไหน คนที่มารับเขาร้องไห้ตลอดทาง เราก็ไม่ได้สังเกตจนใกล้ทางเข้าบ้าน ก็ตะโกนบอกเขาให้เลี้ยวเข้าบ้านเพราะเหนื่อยแล้วอยากนอน แต่เขาก็ขับพาไปโรงพยาบาล เราก็ยังอาละวาดบ่นว่า พามาทำไมเหม็น เขาก็ลากเราเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นเบสงงๆ ได้ยินเสียงร้องของใครคนหนึ่ง ก็เดินเข้าไปดู ก็เห็นแม่นอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเลือดเต็มไปหมด แต่พอแม่เห็นเบส แม่หยุดร้องแล้วยื่นมือขึ้นมาเหมือนจะให้เราเดินเข้าไปหา คำแรกที่แม่พูดคือ ขอโทษที่ไม่ได้ไปรับ มอเตอร์ไซค์ลากแม่ไป แม่รอที่จะขอโทษเบส ไม่กล้าหลับตา แม่บอกว่ารอเบส และบอกว่า อย่าบอกพ่อนะไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง นาทีนั้นหมดเลยความโกรธที่มี หมดแล้วไม่เหลือเลย ตอนนั้นเปลี่ยนความคิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำไมผู้หญิงคนนี้มีลมหายใจเพื่อคนอื่น ยอมมีลมหายใจเพื่อรอลูก เพื่อห่วงสามี แล้วทำไมเราถึงยึดลมหายใจไว้เฉพาะตัวเอง ตอนนั้นเหมือนใจเบา สว่าง คิดได้เลย เราใช้เวลาดูแลแม่ พาแม่เข้าห้องน้ำ เช็ดอุจจาระ ปัสสาวะให้ เหมือนที่แม่เคยทำให้เราตอนเด็กๆ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ รู้ว่าแม่ไม่อยากให้เราป้อน แต่เราเต็มใจไม่อยากมายกถาดเล็กๆ แล้วเคาะโลงเรียกแม่กินข้าว มีเวลาดูแลแม่ 2 วัน อยากดูแลต่อ แต่แม่ไม่อยากให้หยุดเรียน ตอนจะไป แม่ก็พยายามลุกมาส่งเรา เบสก้มลงกราบแม่ เห็นแผลแม่เลือดไหลเป็นทาง เหมือนเกิดใหม่ ครั้งแรกแม่ให้ชีวิตแม่ก็เลือดไหล วันนี้เกิดครั้งที่ 2 แม่ก็ให้ชีวิตใหม่ให้จิตวิญญาณแม่ก็เลือดไหล แม่ร้องไห้ เบสใช้เน็กไทของชุดนักเรียนยกมาซับน้ำตาให้แม่ แทนคำสัญญาว่า แม่ได้ลูกคนใหม่ ลูกคนที่จะทำเพื่อคนอื่น และจะกลับมาดูแลแม่ ดูแลผู้หญิงคนนี้ให้ดีที่สุด
สิ่งที่เบสทำ สิ่งที่เบสพูด เบสรู้ว่า การพูดเพียง 5 นาที 10 นาที คงเปลี่ยนชีวิตใครไม่ได้ แต่อย่างน้อยคำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชะตาชีวิต เปลี่ยนความคิดเราได้ ชีวิตคนเราส่วนใหญ่ภูมิใจในสิ่งที่เราสร้าง มากกว่าสิ่งที่สร้างตน ก่อนจะเป็นเยาวชนดีเด่น เคยเป็นเยาวชนเลวเด่นแห่งชาติมาก่อน ชีวิตเคยมืดบอดไม่เห็นคุณค่าของคน 2 คนที่รักเราตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้า
ติดตามชมเรื่องราวของสาวน้อยวัย 24 ปี กับปณิธานที่จะใช้ทุกลมหายใจเพือคนอื่น ขอไถ่บาปพูดเพื่อทำให้คนรักพ่อแม่ ได้ในรายการสุริวิภา วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคมนี้ เวลา 22.20 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี