ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ “บ. ศุภาลัย”ที่ “A-/Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 5, 2010 08:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 745 ล้านบาทของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทศุภาลัยที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันของบริษัทที่ระดับ “A” และหุ้นกู้ไม่มีประกันที่ระดับ “A-” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย แบรนด์สินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดผู้มีรายได้ระดับปานกลาง ความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่มีเสถียรภาพ ตลอดจนลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง และการแข่งขันในการซื้อที่ดินของผู้ประกอบการที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันนั้นได้รับแรงหนุนจากมูลค่าของอาคารสำนักงานให้เช่า “ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์” ซึ่งใช้เป็นหลักประกันที่ระดับ 1.7 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้คงค้างตลอดอายุของหุ้นกู้ด้วย แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจแม้ว่ามาตรการด้านภาษีของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงและการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ กระแสเงินสดและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมแม้จะมีแผนการขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้นและมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทศุภาลัยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2532 โดยตระกูลตั้งมติธรรม ณ เดือนมีนาคม 2553 ตระกูลตั้งมติธรรมยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทที่ถือครองหุ้นในสัดส่วนทั้งสิ้น 28% บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนาประมาณ 45 โครงการ ด้วยมูลค่ายอดขายคงเหลือ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2553 ประมาณ 11,000 ล้านบาท และยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้เป็นจำนวนมากถึงประมาณ 19,000 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทมีทั้งโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งคิดเป็น 63% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดและโครงการบ้านจัดสรรซึ่งคิดเป็น 37% ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถเสนอขายที่อยู่อาศัยในราคาที่แข่งขันได้ ทริสเรทติ้งกล่าวว่ายอดขายของบริษัทศุภาลัยในปี 2552 คิดเป็นมูลค่า 13,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จาก 9,091 ล้านบาทในปี 2551 ในขณะที่ยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 8,104 ล้านบาท จาก 3,773 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2552 ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเปิดขายโครงการใหม่ในช่วงปี 2552 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2553 ส่วนรายได้ของบริษัทนั้นเป็นไปในทิศทางเดียว กับยอดขาย โดยในปี 2552 เพิ่มขึ้นถึง 56% เป็น 9,618 ล้านบาท จาก 6,170 ล้านบาทในปี 2551 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 14% เป็น 5,281 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการโอนคอนโดมิเนียมใน “โครงการศุภาลัย ริเวอร์ เพลส” และ “ศุภาลัย ปาร์ค ศรีนครินทร์” มูลค่ารวมประมาณ 4,600 ล้านบาทในปี 2552 รวมทั้งการโอนคอนโดมิเนียม “โครงการซิตี้โฮม รัชดา-ปิ่นเกล้า” มูลค่า 969 ล้านบาท และการโอนบ้านจัดสรรที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงแข็งแกร่งกว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ระดับ 38.33% ในปี 2552 และ 36.86% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 การที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงเป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนการดำเนินงานที่ดี นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นยังทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 77.06% ในปี 2552 และ 42.01% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 30.10% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 และ 29.37% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 โดยลดลงจาก 48.50% ณ สิ้นปี 2551 ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปีที่ 2552 ค่อนข้างผันผวนซึ่งเป็นผลมาจากความไม่มีเสถียรภาพของการเมืองภายในประเทศและวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 และอยู่ในสภาวะทรงตัวในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 แนวโน้มที่ผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นยังคงมีอยู่และคาดว่าจะยังคงต่อเนื่องต่อไปอีกในอนาคต ทั้งนี้ หลังจากมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในปี 2552 ผู้ประกอบการรายใหญ่เกือบทั้งหมดจึงมีแผนการขยายธุรกิจเชิงรุกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น การซื้อที่ดินในทำเลที่เหมาะสมจึงมีแนวโน้มที่จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลที่ส่วนใหญ่สิ้นสุดในปี 2553 ยังส่งผลทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 2553 ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 2553 จะค่อย ๆ ฟื้นตัวตามการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A- อันดับเครดิตตราสารหนี้: SPALI133A: หุ้นกู้มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A SPALI141A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ A- หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 745 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2558 A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ