กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--วีม คอมมิวนิเคชั่น
ค่ายเอ็มทีเอส โกลด์ฟิวเจอร์ส ผู้นำด้านการลงทุนทองคำที่ครบวงจร ชี้มินิโกลด์ฟิวเจอร์ส 10 บาท หลังเปิดตัวมาในช่วง 2 เดือน ยังไม่ฮิตเท่าที่ควร เหตุจากนักลงทุนรายใหญ่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนสัญญาทอง 50 บาท ในขณะที่กลุ่มลงทุนสัญญาทอง 10 บาทส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนหน้าใหม่ ที่กำลังทดสอบการลงทุน ทำให้สัดส่วนสัญญาการลงทุนในมินิโกลด์ฟิเจอร์สต่ำกว่าราวๆ 3 เท่า ส่วนมูลค่าต่างกันถึง 15 เท่า คาดต้องใช้เวลาในการปรับตัวถึงกลางปีหน้าจะคึกคักทั้ง 2 กลุ่ม เตือนนักลงทุนระวังเรื่องเงินบาทแข็งค่า แนะนำกลุ่มลงทุนรายวันเลือกปรับกลยุทธ์ให้ว่องไว ระวังการปรับฐานบริเวณแนวต้านที่ 1325 สัปดาห์นี้แนวรับ-แนวต้านที่ 1300 เหรียญ และ 1325เหรียญ ส่วนกลุ่มลงทุนรายสัปดาห์ให้หาจังหวะปิดสถานะ LONG POSITION เพื่อขายทำกำไร หรืออาจจะเปิดสถานะ Short Position ในจังหวะราคาทองโลกแกว่งขึ้น
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส์ จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตลาดอนุพันธ์ได้เปิดตัวบริการลงทุนสัญญาซื้อขายทองคำประเภทสัญญาละ 10 บาท หรือมินิโกลด์ฟิวเจอร์สตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันการลงทุนซื้อขายในมินิโกลด์ฟิวเจอร์สยังไม่ค่อยคึกคักมากนัก ทั้งนี้จากการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า ส่วนใหญ่นักลงทุนรายใหญ่ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สประเภท 50 บาท/สัญญา ในขณะที่มินิโกลด์ฟิวเจอรส์นั้นจะเป็นกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อย หรือกลุ่มผู้ลงทุนหน้าใหม่ที่พึ่งจะทดลองตลาดนี้ ดังนั้นทำให้สัดส่วนของการลงทุนในสัญญาของมินิโกลด์ฟิวเจอร์สนั้น มีปริมาณเพียงแค่ 1 ใน 3 ของสัญญาการซื้อขายโดยรวม หรือหากคิดเป็นมูลค่าการลงทุนก็จะมีมูลค่าน้อยกว่าราวๆ 15 เท่า แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในอนาคต ปริมาณการลงทุนในสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สทั้งสองขนาด จะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น หลังจากที่นักลงทุนได้มีการเรียนรู้และมีประสบการณ์ในด้านการลงทุนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยก็ช่วงประมาณกลางปีหน้านั่นเอง
“ สำหรับการลงทุนทองคำในช่วงนี้ ทิศทางราคาทองคำโลก(Gold Spot) อยู่ในช่วงของทิศทางขาขึ้นโดยมีแนวรับที่1300 เหรียญสหรัฐ และแนวต้านที่1,325 เหรียญสหรัฐ ดังนั้นนักลงทุนทองคำไทย ควรระวังปัจจัยจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยนักลงทุนประเภทรายวัน Gold Futures ระวังปรับฐานในระยะสั้น ๆ ส่วนนักลงทุนประเภทรายสัปดาห์ ควรหาจังหวะปิดสถานะ LONG POSITION เพื่อขายทำกำไร หรืออาจจะเปิดสถานะ Short Position” นายณัฐพงศ์ กล่าว
ทองคำในตลาดโลกทำจุดสูงสุดใหม่ 13 ครั้งในรอบ 15 วันทำการ โดยยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางหาขึ้นต่อเนื่อง ในภาวะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง ในขณะที่ตลาดทองไทยยังเคลื่อนไหวในช่วง sideway ขึ้นอย่างช้า ๆ ตามการกดดันของค่าเงิน ค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องใน วันศุกร์อยู่ที่ 30.19 บาท/ดอลลาร์ โดยที่ราคาทองคำในตลาดลอนดอนและ Comex ค่อยๆขยับตัวสูงขึ้น ต่อเนื่องจนทะลุทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1321 เหรียญ และกลับมาปิดที่ระดับ 1318 เหรียญ ตัวเลขทางเศรษฐกิจเมื่อคืนวันศุกร์ มี Consumer Sentiment ออกมาดีขึ้น โดยที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างดีแต่ตลาดไม่ค่อยตอบสนอง กลับมองว่าเป็นช่วงปรับ Port เทขายดอลลาร์ออกมา โดยทั่วไปตลาดยังให้ความสนใจกับภาวการณ์ที่ FED จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในตลาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ค่าเงินดอลลาร์เองอ่อนตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับยูโร มาอยู่ที่ระดับ 1.3760 ดอลลาร์/ยูโร ในขณะที่เงินเยนเองกลับมาแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ระดับ 83.45 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินบาทไทยยังแข็งค่าจาก เงินทุนไหลเข้า ราคาน้ำมัน สามารถทะลุ 80 เหรียญ/บาร์เรล อีกครั้งหนึ่ง น้ำมันบวก 1.61 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 81.58 เหรียญ/บาร์เรล
สำหรับทิศทางของการลงทุนจากบทวิเคราะห์ของ MTS Gold แม่ทองสุกประจำวันนี้ (4ต.ค.) ระบุว่า สำหรับนักลงทุนประเภทรายวัน (Daily Trade):Gold Futures Series V10 มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 18750 บาท และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 18950 บาท สามารถทำกำไรในสภาวะการแกว่งตัวระวังการปรับฐานทำกำไร ส่วนลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) อาจจะปรับพอร์ตโดยขายทำกำไร รวมถึงเริ่มพิจารณา Short เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ควรรอจังหวะการเข้าซื้อเพราะยังเป็นช่วงการขายทำกำไรอยู่ โดยอาจจถือพอร์ตการลงทุนประมาณร้อยละ10 อย่างไรก็ตามขณะนี้ ราคาทองเริ่มเข้าสู่ภาวการณ์ซื้อเกินให้ระมัดระวังการปรับฐานในบริเวณใกล้เคียง ให้ติดตามอย่างใกล้ชิด พยายามขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง
DAY TRADER
GFV10 ซื้อในช่วงราคา 18840 — 18860 ขายในช่วงราคา 18910 — 18930
GFZ10 ซื้อในช่วงราคา 18880 — 18910 ขายในช่วงราคา 18970 — 19000
GFV10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 18780 รอขายที่ระดับ 18950