กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--กรมการค้าต่างประเทศ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันข้าวหอมมะลิไทย (พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข. 15) เป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภคในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ได้รับการกล่าวขานกันว่าเป็นข้าวที่รับประทานอร่อยที่สุดที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย มีลักษณะเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ขาว สวย มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ เมื่อหุงเป็นข้าวสวยแล้วเมล็ดข้าวสวยจะอ่อนนุ่ม สม่ำเสมอทุกเมล็ด เป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารและแร่ธาตุนานาชนิด มีเส้นใยอาหารสูง มีวิตามินบี 1 และ บี 2 แร่เหล็ก แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส และไม่มีกลูเทน ซึ่งมีอยู่ในข้าวของต่างประเทศบางสายพันธุ์ จึงไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เป็นข้าวนาปีปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง
กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย เมื่อปี พ.ศ. 2541 ให้เป็นมาตรฐานสมัครใจ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ส่งออกรักษาคุณภาพสินค้า
แต่การดำเนินการดังกล่าวยังไม่สามารถแก้ปัญหาการปลอมปนข้าวที่ส่งออก มีผลให้ราคาข้าวตกต่ำ ขาดความเชื่อถือจากผู้ซื้อ ซึ่งในที่สุดส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ชื่อเสียงของประเทศและเกษตรกรผู้ยากไร้ ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2544
กระทรวงพาณิชย์ จึงได้ปรับปรุงมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทยให้สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย โดยให้มีมาตรฐานเพียงชั้นเดียว และเป็นมาตรฐานบังคับ ตลอดจนกำหนดมาตรการการตรวจสอบและติดตามผล รวมทั้งบทลงโทษผู้ปลอมปนโดยเคร่งครัด การกำหนดให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย ตาม พ.ร.บ. มาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 (ข้าวพันธุ์ดอกมะลิ 105 และ กข. 15 ความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 92) มีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2545 เป็นต้นมา ทำให้การควบคุมกำกับดูแลคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยที่ส่งออกมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม ทั้งนี้
เพราะมีกระบวนการจัดระเบียบกำกับการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าอย่างเป็นระบบ และมีแนวทางให้ถือปฏิบัติในทิศทางเดียวกันอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 4-5 ปี ที่ผ่านมา
กรมการค้าต่างประเทศยังได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้บรรลุวัตถุประสงค์การยกระดับคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยส่งออก
สร้างชื่อเสียง สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ซื้อและผู้บริโภคในตลาดโลก โดยมีปริมาณการส่งออกเฉลี่ยปีละ 2.15 ล้านตัน และมีมูลค่าส่งออกสูงขึ้นเป็นลำดับ
สำหรับการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปี 2549 ที่ผ่านมาได้ส่งออกไปแล้ว 2,250,306 2,246,041 2,268,309 2,571,569 ตัน คิดเป็นมูลค่า 32,319 35,810 34,623 40,122 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนปี 2550 (ม.ค.-เม.ย.) ส่งออกปริมาณ 998,492 ตัน มูลค่า 15,565 ล้านบาท โดยตลาดส่งออกหลักได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง สายด่วน 1385 Website : www.dft.moc.go.th .