กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--ซีเกท เทคโนโลยี
- ซีเกทมียอดรายรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30
- การควบกิจการกับแม็กซ์ตอร์เสร็จสมบูรณ์
- บริษัทสร้างสถิติใหม่ด้วยการจัดส่งฮาร์ดไดร์ฟ ในไตรมาสนี้ทั้งสิ้น จำนวน 41 ล้านตัว โดย 10 ล้านตัวผลิตโดยใช้เทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลแนวตั้งฉาก
บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี รายงานยอดรายรับ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี จำนวน 140 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรต่อหุ้น 23 เซ็นต์ สำหรับ ไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ทั้งนี้รายรับทั้งสิ้นจำนวน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นั้นได้รวม 200 ล้านเหรียญสหรัฐ มาจากผลิตภัณฑ์ของแม็กซ์ตอร์ไว้แล้ว ในขณะที่ กำไรสุทธิและกำไรสุทธิต่อหุ้น ได้รวม ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการควบกิจการแม็กซ์ตอร์ จำนวน 76 ล้านเหรียญสหรัฐ และ ค่าธรรมเนียม จำนวน 19 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการชำระตั๋วเงินที่จ่ายดอกเบี้ยก่อนระยะเวลาที่กำหนด ร้อยละ 8 หากไม่รวมค่าใช้จ่าย ดังกล่าวบริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ยังไม่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี จำนวน 236 ล้านเหรียญ และมีกำไรต่อหุ้น 39 เซ็นต์
สำหรับผลประกอบการทางการเงินในระยะเวลาหกเดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ซีเกทรายงานยอดรายรับ 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี จำนวน 159 ล้าน เหรียญสหรัฐ และกำไรต่อหุ้น 27 เซ็นต์ กำไรสุทธิและกำไรต่อหุ้นดังกล่าวได้รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการควบกิจการ แม็กซ์ตอร์ จำนวน 158 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าธรรมเนียม จำนวน 19 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการชำระตั๋วเงินที่จ่าย ดอกเบี้ย ร้อยละ 8 ก่อนระยะที่กำหนด และการสำรองเงินสำหรับปรับ โครงสร้างองค์กร จำนวน 3 ล้านเหรียญ สหรัฐไว้ด้วย หากไม่รวมค่าใช้จ่ายดังกล่าว บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ยังไม่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี จำนวน 333 ล้านเหรียญ และมีกำไรต่อหุ้น 56 เซ็นต์
“ ซีเกทถือเป็นบริษัทแรกในวงการอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ ที่สามารถมียอดรายรับต่อหนึ่งไตรมาส สูงถึง
3,000 ล้านเหรียญ สหรัฐ และมีการเพิ่มขึ้นของยอดรายรับถึงร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อ ปีก่อน” นายบิล วัทกินส์ หัวหน้า เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของซีเกท (Bill Watkins, Seagate chief executive officer) กล่าว
“ผลประกอบการเหล่านี้ เป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของข้อมูลดิจิตอล และการเพิ่มขึ้นของปริมาณความต้องการการบันทึก ประกอบกับความสามารถของซีเกทในการจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นไปยังกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นด้วย ไตรมาสที่แข็งแกร่งนี้สะท้อนให้เห็นราคาของผลิตภัณฑ์สำหรับบันทึกข้อมูล ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในไตรมาสนี้ที่ดีกว่าที่คาดไว้ ความสำเร็จในการเปลี่ยนถ่ายลูกค้าแม็กซ์ตอร์ให้ไปใช้
ผลิตภัณฑ์ของซีเกท ที่มีความคุ้มค่ายิ่งขึ้นและความเป็นเลิศในการดำเนินงานซึ่งยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง การควบรวมกิจการของซีเกทกับแม็กซ์ตอร์ซึ่งเสร็จสมบูรณ์จับต้องได้ และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีความน่าตื่นตา
ตื่นใจ ซึ่งกำลังออกสู่ตลาดในไตรมาสนี้ ทำให้ขณะนี้ซีเกทอยู่บนเส้นทางที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในช่วง ครึ่งหลังของปีการเงิน ซึ่งโดยปกติจะมีอัตราการเติบโตน้อยกว่าช่วงครึ่งแรกของปี”
“ ในไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 นี้ เราได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการจัดส่งดิสก์ไดร์ฟสำหรับระบบปฏิบัติการเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 7 ล้านตัว ปริมาณการจัดส่งดิสก์ไดร์ฟไปยังตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์มือถือ (Mobile Compute Market) เพิ่มร้อยละ 52 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และซีเกทยังคงเป็นผู้นำใน ตลาดองค์กร และเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จุดเด่นเพิ่มเติมของไตรมาสนี้ประกอบด้วย การเริ่มต้นของการทดสอบและประเมิน คุณภาพผลิตภัณฑ์ซีเกท ขนาด 1.8 นิ้วโดยโออีเอ็ม (OEM) ความสำเร็จในการทำรีแบรนดิ้งค์ (Rebranding) ของ ผลิตภัณฑ์ ซีเกทและแม็กซตอร์ รวมถึงโซลูชั่นด้านการบันทึกภายนอกใหม่ของซีเกท จำนวน 4 รุ่น ตลอดจน การขยายธุรกิจ บริการของซีเกทด้วยการประกาศควบกิจการกับอีว็อลท์ อิงค์ (EVault, Inc.) พนักงานมีความ ภาคภูมิใจอย่างมาก เนื่องจากเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานด้านการปฏิบัติการของซีเกท เช่นเดียว กับส่วนแบ่งตลาดและ สิ่งที่บริษัทคาดไว้ไม่เคยเข้มแข็งกว่านี้มาก่อน เราได้สร้างรากฐาน สำหรับความสำเร็จ อย่างต่อเนื่อง และการ เพิ่มขึ้นของความสามารถในการทำกำไรในปี ค.ศ. 2007”
ท่านสามารถพบข้อมูลเพิ่มเติมทางด้านการเงินสำหรับไตรมาสที่ 2 ปีการเงิน 2007ทางออนไลน์ที่ seagate.com มุมมองธุรกิจ
สำหรับปีการเงิน 2007 ซึ่งไม่รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการควบกิจการแม็กซ์ตอร์ แต่รวมผลประกอบการของ แม็กซ์ตอร์ ซีเกทคาดว่าจะมีรายรับ 11,500 — 11,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรต่อหุ้นที่ยังไม่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี ประมาณ 1.70 — 1.75 เหรียญสหรัฐ หากนำค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะมีขึ้นจากการควบกิจการจำนวน 234 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าธรรมเนียม จำนวน 19 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการชำระตั๋วเงินที่จ่ายดอกเบี้ย ร้อยละ 8 ก่อนระยะที่กำหนด และการสำรองเงิน สำหรับปรับโครงสร้างองค์กร จำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐมารวมไว้ด้วย
บริษัทฯ จะมีกำไรต่อหุ้นที่ได้รับการรับรองทางบัญชี ประมาณ 1.27 — 1.32 เหรียญสหรัฐ
สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ซีเกทคาดการณ์รายรับ จำนวน 2,900 — 3,000 ล้านเหรียญ สหรัฐ กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 56 - 60 เซ็นต์ ทั้งนี้ไม่รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการควบกิจการแม็กซ์ตอร์และค่าใช้จ่าย ในการปรับโครงสร้างองค์กรที่เกี่ยวข้อง กำไรต่อหุ้นที่ได้รับการรับรองทางบัญชี สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550คาดว่าจะประมาณ 49-53 เซ็นต์ ในกรณีที่รวมค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะมีขึ้นจากการควบกิจการ จำนวน 40 ล้านเหรียญสหรัฐเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน
บริษัทได้ประกาศจะจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาส จำนวน 10 เซ็นต์ต่อหุ้น ก่อนหรือภายในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 แก่ผู้ถือหุ้นสามัญทุกรายตามบัญชีผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ระหว่างไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2549 บริษัทได้ซื้อและรับหุ้นสามัญคืนประมาณ 23 ล้านหุ้น โดยหุ้นส่วนใหญ่ถูกซื้อในช่วงปลายไตรมาส และมีผลกระทบน้อยมากต่อการคำนวณจำนวนหุ้นโดยเฉลี่ย หลังจากวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2549 บริษัทได้รับหุ้นสามัญเพิ่มอีก จำนวน 13 ล้านหุ้น ซึ่งได้ชำระเงินในช่วง ไตรมาสที่ 2 ของปีการเงิน ทั้งนี้บริษัทมีอำนาจในการซื้อหุ้นคืนประมาณ 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐภายใต้โปรแกรม
การซื้อหุ้นคืน หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าไปที่เว็บไซต์ seagate.com ท่านสามารถรับฟังและ ดาวน์โหลดพ็อดคาสต์ซึ่งนายบิล วัทกินส์จะพูดถึงผลประกอบการของซีเกทในไตรมาสนี้ และมุมมองใน อนาคต ได้ที่http://www.podtech.net/seagate
ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ นางสาวขวัญจิต สุดสวัสดิ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-715-2919