พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐๘)
พ.ศ. ๒๕๕๓
---------------------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เป็นปีที่ ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ บางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐๘) พ.ศ. ๒๕๕๓”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง” ระหว่างบทนิยามคำว่า “สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค” และ “การให้บริการสนับสนุน” ในมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐๕) พ.ศ. ๒๕๔๕
“บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่นำผลการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคไปใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการแก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค วิสาหกิจในเครือ หรือสาขาต่างประเทศของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค”
มาตรา ๔ ให้ยกเลิกวรรคสองของมาตรา ๘ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐๕) พ.ศ. ๒๕๔๕
มาตรา ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๐/๑ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐๕) พ.ศ. ๒๕๔๕
“มาตรา ๑๐/๑ สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่ได้จดแจ้งตามมาตรา ๑๐ (๔) และได้รับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๘ หรือมาตรา ๙ ไม่มีสิทธิได้รับการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ หรือมาตรา ๑๑/๔”
มาตรา ๖ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๑/๑ มาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ มาตรา ๑๑/๔ มาตรา ๑๑/๕ มาตรา ๑๑/๖ มาตรา ๑๑/๗ มาตรา ๑๑/๘ มาตรา ๑๑/๙ มาตรา ๑๑/๑๐ และมาตรา ๑๑/๑๑ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐๕) พ.ศ. ๒๕๔๕
“มาตรา ๑๑/๑ ให้ลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔ มาตรา ๕ หรือมาตรา ๖ ให้แก่คนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคในระหว่างการทำงานในประเทศไทยเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่เกินแปดปีไม่ว่าในระหว่างเวลานั้นจะได้เดินทางออกจากประเทศไทยเป็นครั้งคราวหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ เฉพาะผู้บริหารระดับสูงหรือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคจดแจ้งต่อกรมสรรพากรตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามวรรคหนึ่งต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๑/๖ หรือมาตรา ๑๑/๗ แล้วแต่กรณี และมีรายได้จากการให้บริการหรือค่าสิทธิตามจำนวนที่กำหนดในมาตรา ๑๑/๒ วรรคสอง
มาตรา ๑๑/๒ ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ก) ของ (๒) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากรและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบของกำไรสุทธิ ให้แก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค เป็นเวลาสิบรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันสำหรับรายได้ดังต่อไปนี้
(๑) รายได้จากการให้บริการของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคแก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นในประเทศไทย
(๒) ดอกเบี้ยที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ หรือสาขาต่างประเทศของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ทั้งนี้ เฉพาะดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืมที่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคได้กู้มาเพื่อให้กู้ยืมต่อ
(๓) ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ หรือสาขาต่างประเทศของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค หรือจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เฉพาะค่าสิทธิที่เกิดจากผลการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่กระทำขึ้นในประเทศไทย
สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่จะได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับรายได้ตาม (๒) หรือ (๓) ในรอบระยะเวลาบัญชีใด จะต้องมีรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นจากการให้บริการของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคแก่วิสาหกิจในเครือในต่างประเทศหรือสาขาของตนในต่างประเทศ หรือจากค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือในต่างประเทศหรือสาขาของตนในต่างประเทศ หรือจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เฉพาะค่าสิทธิที่เกิดจากผลการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่กระทำขึ้นในประเทศไทย โดยรายได้จากการให้บริการหรือค่าสิทธินั้นต้องจ่ายจากหรือในต่างประเทศรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของรายได้ทั้งหมดของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค
มาตรา ๑๑/๓ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค สำหรับรายได้ที่ได้จากการให้บริการของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคแก่วิสาหกิจในเครือที่อยู่ในต่างประเทศ หรือสาขาต่างประเทศของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคเป็นเวลาสิบรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน
มาตรา ๑๑/๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่มีรายได้จากการให้บริการหรือค่าสิทธิตามที่กำหนดในมาตรา ๑๑/๒ วรรคสอง สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นเงินปันผลที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศเป็นเวลาสิบรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน
มาตรา ๑๑/๕ ในการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ หรือ มาตรา ๑๑/๔ ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีดังต่อไปนี้
(๑) กรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ได้จดแจ้งการเป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามมาตรา ๑๑/๖ (๖) ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก หรือ
(๒) กรณีที่มีการจดแจ้งการเป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามมาตรา ๑๑/๖ (๖) ระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกแม้ว่าจะมีระยะเวลาน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ตาม
มาตรา ๑๑/๖ สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่จะได้รับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ หรือมาตรา ๑๑/๔ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(๑) มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป
(๒) มีการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือในต่างประเทศหรือสาขาของตนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าจำนวนดังต่อไปนี้
(ก) หนึ่งประเทศ ในรอบระยะเวลาบัญชีแรกและที่สอง
(ข) สองประเทศ ในรอบระยะเวลาบัญชีที่สามและที่สี่ และ
(ค) สามประเทศ ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ห้าเป็นต้นไป
(๓) มีรายจ่ายดังต่อไปนี้
(ก) รายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่าสิบห้าล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีแต่ไม่รวมถึงค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน รายจ่ายในการดำเนินงานที่จ่ายไปต่างประเทศ ค่าวัตถุดิบ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น ค่าส่วนประกอบ และค่าบรรจุภัณฑ์ หรือ
(ข) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนตามมาตรา ๖๕ ตรี (๕) แห่งประมวลรัษฎากรที่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคจ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทย เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบล้านบาท ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี แต่ไม่รวมถึงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(๔) มีวิสาหกิจในเครือ หรือสาขาของตนในต่างประเทศ ซึ่งต้องมีการประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ผู้บริหารและพนักงานปฏิบัติงานในสถานประกอบการอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ต้องตรงตามที่ได้แจ้งต่อกรมสรรพากร
(๕) มีพนักงานปฏิบัติงานในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคซึ่งมีทักษะและความรู้ขั้นต่ำตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
(๖) ได้จดแจ้งการเป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด โดยต้องจดแจ้งภายในห้าปีนับแต่วันที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดให้มีการจดแจ้ง
(๗) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
มาตรา ๑๑/๗ สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่จะได้รับสิทธิตามมาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ และมาตรา ๑๑/๔ ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่สามเป็นต้นไป ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๑/๖ และต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ด้วย
(๑) มีพนักงานตามมาตรา ๑๑/๖ (๕) ปฏิบัติงานในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของจำนวนพนักงานทั้งหมด และ
(๒) มีการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในกิจการของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ในอัตราไม่น้อยกว่าคนละสองล้านห้าแสนบาทต่อปี เป็นจำนวนอย่างน้อยห้าคน
มาตรา ๑๑/๘ สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่ได้จดแจ้งตามมาตรา ๑๑/๖ (๖) เพื่อให้ได้รับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ หรือมาตรา ๑๑/๔ ไม่มีสิทธิที่จะได้รับการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๘ หรือมาตรา ๙
สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคจะจดแจ้งการเป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามมาตรา ๑๐ (๔) และมาตรา ๑๑/๖ (๖) ในเวลาเดียวกันมิได้ และจะได้รับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๘ หรือมาตรา ๙ พร้อมกับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ หรือมาตรา ๑๑/๔ มิได้
มาตรา ๑๑/๙ สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๑/๖ และต่อมามีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๑/๗ ตามที่กำหนด ต่อเนื่องกันตลอดสิบรอบระยะเวลาบัญชีในการลดอัตราหรือยกเว้นภาษีเงินได้ หากปรากฏว่าในรอบระยะเวลาบัญชีที่สิบมีรายจ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับกิจการของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่จ่ายในประเทศไทยสะสมรวมกันแล้วเกินกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทตลอดสิบรอบระยะเวลาบัญชี ให้ได้รับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ หรือมาตรา ๑๑/๔ อีกห้ารอบระยะเวลาบัญชี
มาตรา ๑๑/๑๐ ในกรณีที่ปรากฏว่าสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ตามมาตรา ๑๑/๖ หรือมาตรา ๑๑/๗ ในรอบระยะเวลาบัญชีใดให้สิทธิที่จะได้รับการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๑๑/๒ มาตรา ๑๑/๓ หรือมาตรา ๑๑/๔ สิ้นสุดลง ทั้งนี้ ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรก
มาตรา ๑๑/๑๑ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นเงินปันผลที่ได้รับจากสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามมาตรา ๑๑/๖ หรือตามมาตรา ๑๑/๗ แล้วแต่กรณี ซึ่งมีรายได้จากการให้บริการหรือค่าสิทธิตามมาตรา ๑๑/๒ วรรคสอง”
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคและคนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาครวมทั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อเป็นการสนับสนุนและจูงใจให้มีการลงทุนของบริษัทในรูปแบบการจัดตั้งเป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นอันจะเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการตลอดจนกระตุ้นให้มีการนำเข้าเงินตราจากต่างประเทศและการใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค อีกทั้งเป็นการจูงใจให้ชาวต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถด้านการบริหารและการให้บริการของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคเข้ามาทำงานในประเทศไทยอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ (ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๗ ตอนที่ ๖๗ ก วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓)