คำชี้แจงกรมสรรพากร
เรื่อง การผ่อนชำระและการคำนวณเงินเพิ่ม กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ที่อยู่ในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย ได้รับอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ
__________________________________
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามมาตรา ๓ อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัยออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔
กรมสรรพากรขอชี้แจงเกี่ยวกับการผ่อนชำระและการคำนวณเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับกรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้พึงประเมินจากการทำงานหรือประกอบกิจการในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัยซึ่งได้รับสิทธิให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี แต่ไม่ชำระภาษีให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาที่ขยายออกไป หรือไม่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้ถูกต้องภายในกำหนดเวลาที่ขยายออกไป ดังต่อไปนี้
๑. กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับสิทธิให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และมีภาษีที่ต้องเสียจำนวนตั้งแต่ ๓,๐๐๐ บาทขึ้นไป มีสิทธิผ่อนชำระเป็นสามงวด งวดละเท่า ๆ กัน ตามมาตรา ๖๔ แห่งประมวลรัษฎากร โดยงวดที่หนึ่งต้องชำระพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภายในกำหนดเวลาปกติหรือภายในกำหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ขยายออกไป งวดที่สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่หนึ่ง และงวดที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง หากไม่ชำระงวดใดงวดหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหมดสิทธิที่จะชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับงวดที่ไม่ชำระและงวดต่อ ๆ ไป โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ จนถึงวันชำระ
ตัวอย่าง
(๑) ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษี ๒๕๕๓ ภายในกำหนดเวลาที่ขยายออกไป คือยื่นภายในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยมีภาษีต้องชำระจำนวนตั้งแต่ ๓,๐๐๐ บาทขึ้นไป มีสิทธิผ่อนชำระตามมาตรา ๖๔ แห่งประมวลรัษฎากร จำนวนสามงวด และจะต้องชำระภาษีแต่ละงวดภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้
- งวดที่หนึ่ง ต้องชำระภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔
- งวดที่สอง ต้องชำระภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔
- งวดที่สาม ต้องชำระภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔
หากผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่ชำระภาษีงวดที่สองภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหมดสิทธิที่จะชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับงวดที่สองและงวดที่สาม โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ จนถึงวันชำระ
(๒) กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี ๒๕๕๓ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ โดยมีภาษีต้องชำระจำนวนตั้งแต่ ๓,๐๐๐ บาทขึ้นไป และใช้สิทธิผ่อนชำระตามมาตรา ๖๔ แห่งประมวลรัษฎากร โดยชำระงวดที่หนึ่งไว้ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรออกไปเป็นภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีดังกล่าวจึงได้รับสิทธิขยายกำหนดเวลาการผ่อนชำระภาษีงวดที่สอง และงวดที่สามออกไปด้วย ดังต่อไปนี้
- งวดที่หนึ่ง ชำระภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔
- งวดที่สอง ต้องชำระภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔
- งวดที่สาม ต้องชำระภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔
หากผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่ชำระภาษีงวดที่สองภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหมดสิทธิที่จะชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับงวดที่สองและงวดที่สาม โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ จนถึงวันชำระ
๒. กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษี ๒๕๕๓ ภายในกำหนดเวลาปกติ คือยื่นภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ แต่พบว่าคำนวณภาษีไว้ไม่ถูกต้อง ผู้มีหน้าที่เสียภาษีดังกล่าวมีสิทธิยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีเพิ่มเติมได้ภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยไม่ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร
ตัวอย่าง
ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษี ๒๕๕๓ ภายในกำหนดเวลาปกติ คือยื่นภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ชำระภาษีไว้จำนวน ๑,๐๐๐ บาท แต่พบว่าไม่ได้นำเงินได้พึงประเมินบางรายการมารวมคำนวณภาษี เป็นเหตุให้ชำระภาษีไว้ขาดไปจำนวน ๕๐๐ บาท หากผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการเพิ่มเติมเพื่อชำระภาษีที่ขาดไปจำนวน ๕๐๐ บาท ภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ จะไม่ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร
๓. กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษี ๒๕๕๓ ภายในกำหนดเวลาปกติ คือยื่นภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ หรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายในกำหนดเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายออกไป คือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แต่ปรากฏว่าชำระภาษีไว้ไม่ถูกต้อง และได้มายื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเพิ่มเติมเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายออกไป คือภายหลังวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องชำระภาษีเพิ่มเติม และจะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ จนถึงวันชำระ
(๑) ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษี ๒๕๕๓ ภายในกำหนดเวลาปกติ คือยื่นภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ชำระภาษีไว้จำนวน ๑,๐๐๐ บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีภาษีที่ต้องชำระจำนวน ๑,๕๐๐ บาท ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องชำระภาษีเพิ่มเติมอีกจำนวน ๕๐๐ บาท และต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ จนถึงวันชำระ
(๒) ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษี ๒๕๕๓ ภายในกำหนดเวลาที่ขยายออกไป คือยื่นภายในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ชำระภาษีไว้จำนวน ๑,๐๐๐ บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีภาษีที่ต้องชำระจำนวน ๑,๕๐๐ บาท ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องชำระภาษีเพิ่มเติมอีกจำนวน ๕๐๐ บาท และต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ จนถึงวันชำระ
๔. กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ จะไม่ได้รับประโยชน์จากการอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการตามมาตรา ๓ อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องรับผิดเสียภาษีและเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการตามปกติ คือตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ จนถึงวันชำระ
กรมสรรพากร
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔