พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร(ฉบับที่ 518) พ.ศ. 2554

ข่าวการเมือง Friday May 20, 2011 09:33 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

พระราชกฤษฎีกา

ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๑๘)

พ.ศ. ๒๕๕๔

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔

เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน

-----------------------------------------

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ บางกรณี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๑ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๑๘) พ.ศ. ๒๕๕๔”

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้

“คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย

“ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ” หมายความว่า บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เพื่อประกอบกิจการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนและขายสิ่งดังกล่าวให้แก่วิสาหกิจในเครือ

“วิสาหกิจในเครือ” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ในลักษณะดังต่อไปนี้

(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถือหุ้นในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด

(๒) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด

(๓) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (๑) ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด

(๔) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงานของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ

(๕) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน

(๖) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (๔) มีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน

มาตรา ๔ ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ในการหักภาษี ณ ที่จ่ายและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่คนต่างด้าวได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อคำนวณตามมาตรา ๕๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากรแล้วอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สูงกว่าร้อยละสิบห้าของเงินได้

ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่ง เมื่อคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๕๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายน้อยกว่าร้อยละสิบห้าของเงินได้ให้คนต่างด้าวผู้มีเงินได้มีสิทธิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา ๖ เมื่อคนต่างด้าวนั้นยอมให้ผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้นั้น

มาตรา ๕ คนต่างด้าวซึ่งจะได้รับสิทธิตามมาตรา ๔ ต้องปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ ซึ่งมีรายได้ตามมาตรา ๙ (๑) และ (๒) รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของรายได้ตามมาตรา ๙ (๑) และ (๒)และรายได้จากการจัดซื้อวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน ไม่ว่าในประเทศไทยหรือในต่างประเทศและขายวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนนั้นให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อการผลิตที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือดังกล่าว เป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา ๑๐ โดยให้ได้รับสิทธิดังกล่าวในระหว่างการปฏิบัติงานในประเทศไทยเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่เกินห้าปี ไม่ว่าในระหว่างเวลานั้นจะได้เดินทางออกจากประเทศไทยเป็นครั้งคราวหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ เฉพาะผู้บริหารระดับสูงหรือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเป็นจำนวนไม่เกินสามคนที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากร ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนดในกรณีที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ตามมาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๒ หรือมีรายได้ตามมาตรา ๙ (๑) และ (๒) รวมกันน้อยกว่าร้อยละห้าสิบของรายได้ตามมาตรา ๙ (๑) และ (๒) และรายได้จากการจัดซื้อวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนไม่ว่าในประเทศไทยหรือในต่างประเทศและขายวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนนั้นให้แก่วิสาหกิจ ในเครือที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อการผลิตที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือดังกล่าวในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิตามมาตรา ๔ ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีภาษีแรก และในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับสิทธิตามมาตรา ๔ มิได้ปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศในปีภาษีใด ให้สิทธิตามมาตรา ๔ ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีภาษีนั้น

มาตรา ๖ ให้คนต่างด้าวซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แล้วในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔ เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่คนต่างด้าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

ในกรณีที่คนต่างด้าวมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) และ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๕๐ แห่งประมวลรัษฎากรไว้แล้ว และมีสิทธิเลือกเสียภาษีตามมาตรา ๔๘ (๓) และ (๔) แห่งประมวลรัษฎากร คนต่างด้าวจะมีสิทธิได้รับการยกเว้นตามวรรคหนึ่ง เมื่อปรากฏว่า ในการยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน คนต่างด้าวมิได้นำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) และ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินได้พึงประเมินที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๔ มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ โดยต้องไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนในการได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง คนต่างด้าวต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย

มาตรา ๗ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่คนต่างด้าวซึ่งปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ สำหรับเงินได้ที่ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานซึ่งเกิดจากการที่คนต่างด้าวนั้นถูกส่งตัวไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศหรือวิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยไม่นำเงินได้นั้นมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

มาตรา ๘ คนต่างด้าวซึ่งจะได้รับสิทธิตามมาตรา ๖ และมาตรา ๗ ต้องปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ เป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา ๑๐ โดยให้ได้รับสิทธิดังกล่าวในระหว่างการปฏิบัติงานในประเทศไทยเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่เกินห้าปี ไม่ว่าในระหว่างเวลานั้นจะได้เดินทางออกจากประเทศไทยเป็นครั้งคราวหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ เฉพาะผู้บริหารระดับสูงหรือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเป็นจำนวนไม่เกินสามคนที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากร ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด

ในกรณีที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ตามมาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๒ ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิตามมาตรา ๖ หรือมาตรา ๗ ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีภาษีแรก และในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับสิทธิตามมาตรา ๖ หรือมาตรา ๗ มิได้ปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศในปีภาษีใดให้สิทธิตามมาตรา ๖ หรือมาตรา ๗ ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีภาษีนั้น

มาตรา ๙ ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ก) ของ (๒) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบห้าของกำไรสุทธิ ให้แก่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศเป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่ได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้ สำหรับรายได้ดังต่อไปนี้

(๑) รายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศโดยสินค้าดังกล่าวมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย

(๒) รายได้จากการจัดซื้อวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนไม่ว่าในประเทศไทยหรือในต่างประเทศและขายให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เพื่อความมุ่งประสงค์ในการผลิตในต่างประเทศที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือดังกล่าว

มาตรา ๑๐ การนับรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา ๕ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ ให้นับรอบระยะเวลาบัญชี ดังต่อไปนี้

(๑) กรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ได้จดแจ้งการเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศตามมาตรา ๑๑ (๕) ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก หรือ

(๒) กรณีที่มีการจดแจ้งการเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศตามมาตรา ๑๑ (๕) ระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกแม้ว่าจะมีระยะเวลาน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ตาม

มาตรา ๑๑ ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่จะได้รับสิทธิตามมาตรา ๙ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

(๑) มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป

(๒) มีรายจ่ายดังต่อไปนี้

(ก) รายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่าสิบห้าล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี แต่ไม่รวมถึงค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน รายจ่ายในการดำเนินงานที่จ่ายไปต่างประเทศ ค่าสินค้า ค่าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น ค่าส่วนประกอบ และค่าบรรจุภัณฑ์ หรือ

(ข) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนตามมาตรา ๖๕ ตรี (๕) แห่งประมวลรัษฎากรที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศจ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทย เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี แต่ไม่รวมถึงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

(๓) มีวิสาหกิจในเครือ ซึ่งต้องมีการประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งและต้องมีผู้บริหารและพนักงานปฏิบัติงานในสถานประกอบการอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ต้องตรงตามที่ได้แจ้งต่อกรมสรรพากร

(๔) มีพนักงานปฏิบัติงานในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศซึ่งมีทักษะและความรู้ขั้นต่ำตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

(๕) ได้จดแจ้งการเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด โดยต้องจดแจ้งภายในสองปีนับแต่วันที่อธิบดีกำหนดให้มีการจดแจ้ง

มาตรา ๑๒ ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่จะได้รับสิทธิตามมาตรา ๙ ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปีที่สามเป็นต้นไป ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๑ และต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ด้วย

(๑) มีรายได้ตามมาตรา ๙ (๑) และ (๒) รวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี และ

(๒) มีการจ่ายค่าจ้างแรงงานให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในกิจการของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ในอัตราไม่น้อยกว่าคนละสองล้านห้าแสนบาทต่อปีเป็นจำนวนอย่างน้อยสามคน

มาตรา ๑๓ ในกรณีที่ปรากฏว่าศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๒ ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิตามมาตรา ๙ สิ้นสุดลงตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรก

มาตรา ๑๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมการประกอบกิจการจัดซื้อและขายสินค้านอกประเทศไทยและสนับสนุนการประกอบกิจการจัดซื้อและขายวัตถุดิบและชิ้นส่วนในประเทศไทยเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าของวิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ อันจะเป็นการลดต้นทุนการผลิตสำหรับการซื้อขายสินค้า วัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนสำเร็จรูปภายในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ และเป็นการขยายฐานการลงทุนภาคธุรกิจอุตสาหกรรมจากต่างประเทศในประเทศไทย รวมทั้งสร้างบรรยากาศการลงทุนในประเทศไทย สมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศและคนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในศูนย์ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

(ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๑ ก วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ