เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๒๑๕)
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการเข้าทำงาน
เกินกว่าร้อยละหกสิบของลูกจ้างในสถานประกอบการ
-----------------------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๑๙) พ.ศ. ๒๕๕๔ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เข้าทำงานเกินกว่าร้อยละหกสิบของลูกจ้างในสถานประกอบการนั้น โดยมีระยะเวลาจ้างเกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันในปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่มีเงินได้
ข้อ ๑ เงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เข้าทำงานเกินกว่าร้อยละหกสิบของลูกจ้างในสถานประกอบการนั้น โดยมีระยะเวลาจ้างเกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันในปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่มีเงินได้ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายในการจ้างคนพิการดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๙๙) พ.ศ. ๒๕๕๓
ข้อ ๒ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ ที่ประสงค์จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ จะต้องมีหนังสือรับรองจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่พิสูจน์ได้ว่ามีการจ่ายค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการตามข้อ ๑ โดยหนังสือรับรองดังกล่าว ต้องระบุรายชื่อและจำนวนลูกจ้างทั้งหมดรายชื่อและจำนวนลูกจ้างที่เป็นคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รวมทั้งระยะเวลาการจ้างงานของลูกจ้างนั้นๆ
ทั้งนี้ นายจ้างจะต้องมีหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวคนพิการของลูกจ้างและหลักฐานสำเนาสัญญาจ้างแรงงานตามกฎหมายว่าด้วยการจ้างแรงงานของลูกจ้างทั้งหมด ประกอบการออกหนังสือรับรองดังกล่าว
ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร