พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔๓)
พ.ศ. ๒๕๕๕
--------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการขายเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ บางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔๓) พ.ศ. ๒๕๕๕”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๙๙) พ.ศ. ๒๕๓๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เฉพาะที่ได้จากการขายเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และนำเงินได้ดังกล่าวไปจัดหาเรือลำใหม่เพื่อทดแทนเรือลำเก่าที่ขายไป ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(๑) เรือลำใหม่ที่จัดหาโดยการซื้อหรือการต่อเรือทดแทนต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
(ก) กรณีซื้อเรือทดแทนเรือลำเก่าที่ขายไป
๑) เรือที่ทดแทนต้องมีอายุการใช้งานมาแล้วน้อยกว่าเรือลำเก่าที่ขายไป และต้องมีระวางบรรทุกไม่น้อยกว่าเรือลำเก่าที่ขายไป
๒) เรือที่ทดแทนต้องนำไปจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
ภายในหนึ่งปีก่อนวันที่ขายเรือลำเก่า แต่ไม่เกินสองปีนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่า แต่ถ้าเรือที่ทดแทนได้จดทะเบียนเป็นเรือไทยแล้วต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์ในเรือที่ทดแทนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
(ข) กรณีต่อเรือทดแทน
๑) เรือที่ต่อใหม่ต้องมีระวางบรรทุกไม่น้อยกว่าเรือลำเก่าที่ขายไป
๒) เรือที่ต่อใหม่ต้องนำไปจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
ภายในสองปีนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่า ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวได้ เนื่องมาจากการต่อเรือลำใหม่ยังไม่แล้วเสร็จโดยมิใช่ความผิดของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงหนังสือรับรองจากกรมเจ้าท่าที่ระบุเหตุผลที่ทำให้การต่อเรือลำใหม่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่าต่ออธิบดี ในการนี้ ให้ขยายเวลาการจดทะเบียนเป็นเรือไทยอีกไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ครบกำหนดเวลาดังกล่าว
(๒) ต้องแจ้งการขายเรือลำเก่า การซื้อเรือ หรือการต่อเรือทดแทน เป็นหนังสือต่ออธิบดีภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้
(ก) กรณีที่ได้ซื้อเรือทดแทนก่อนการขายเรือลำเก่า ให้แจ้งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่า
(ข) กรณีที่ได้ซื้อเรือทดแทนภายหลังจากการขายเรือลำเก่า หรือต่อเรือทดแทน ให้แจ้งภายในสามสิบวันนับแต่วันจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย แต่ถ้าเรือที่ทดแทนได้จดทะเบียนเป็นเรือไทยแล้ว ให้แจ้งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในเรือดังกล่าว
ในกรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้นำมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือของเรือลำเก่าที่ขายไปไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ”
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่การยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๙๙) พ.ศ. ๒๕๓๙ สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศกรณีเงินได้ที่ได้จากการขายเรือเดินทะเลที่ใช้ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ได้กำหนดจำกัดไว้เฉพาะการนำเงินได้ดังกล่าวไปซื้อเรือลำใหม่โดยต้องมีการจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่าเท่านั้น สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การยกเว้นภาษีเงินได้ในกรณีดังกล่าว โดยกำหนดให้การจัดหาเรือลำใหม่ครอบคลุมถึงการต่อเรือทดแทนเรือลำเก่าที่ขายไปด้วย ตลอดจนแก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดหาเรือลำใหม่ก่อนการขายเรือลำเก่าและขยายระยะเวลาในการจัดหาเรือลำใหม่ อันจะเป็นการส่งเสริมและพัฒนากิจการพาณิชยนาวีของประเทศให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการขยายกองเรือพาณิชย์ไทยให้เพิ่มมากขึ้นจึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
(ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๙๒ ก วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕)