พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔๓) พ.ศ. ๒๕๕๕

ข่าวกฏหมายและประกาศ Monday October 1, 2012 14:52 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

พระราชกฤษฎีกา

ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔๓)

พ.ศ. ๒๕๕๕

--------------------------

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕

เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการขายเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ บางกรณี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔๓) พ.ศ. ๒๕๕๕”

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๙๙) พ.ศ. ๒๕๓๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เฉพาะที่ได้จากการขายเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และนำเงินได้ดังกล่าวไปจัดหาเรือลำใหม่เพื่อทดแทนเรือลำเก่าที่ขายไป ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(๑) เรือลำใหม่ที่จัดหาโดยการซื้อหรือการต่อเรือทดแทนต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

(ก) กรณีซื้อเรือทดแทนเรือลำเก่าที่ขายไป

๑) เรือที่ทดแทนต้องมีอายุการใช้งานมาแล้วน้อยกว่าเรือลำเก่าที่ขายไป และต้องมีระวางบรรทุกไม่น้อยกว่าเรือลำเก่าที่ขายไป

๒) เรือที่ทดแทนต้องนำไปจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย

ภายในหนึ่งปีก่อนวันที่ขายเรือลำเก่า แต่ไม่เกินสองปีนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่า แต่ถ้าเรือที่ทดแทนได้จดทะเบียนเป็นเรือไทยแล้วต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์ในเรือที่ทดแทนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว

(ข) กรณีต่อเรือทดแทน

๑) เรือที่ต่อใหม่ต้องมีระวางบรรทุกไม่น้อยกว่าเรือลำเก่าที่ขายไป

๒) เรือที่ต่อใหม่ต้องนำไปจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย

ภายในสองปีนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่า ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวได้ เนื่องมาจากการต่อเรือลำใหม่ยังไม่แล้วเสร็จโดยมิใช่ความผิดของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงหนังสือรับรองจากกรมเจ้าท่าที่ระบุเหตุผลที่ทำให้การต่อเรือลำใหม่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่าต่ออธิบดี ในการนี้ ให้ขยายเวลาการจดทะเบียนเป็นเรือไทยอีกไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ครบกำหนดเวลาดังกล่าว

(๒) ต้องแจ้งการขายเรือลำเก่า การซื้อเรือ หรือการต่อเรือทดแทน เป็นหนังสือต่ออธิบดีภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้

(ก) กรณีที่ได้ซื้อเรือทดแทนก่อนการขายเรือลำเก่า ให้แจ้งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่า

(ข) กรณีที่ได้ซื้อเรือทดแทนภายหลังจากการขายเรือลำเก่า หรือต่อเรือทดแทน ให้แจ้งภายในสามสิบวันนับแต่วันจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย แต่ถ้าเรือที่ทดแทนได้จดทะเบียนเป็นเรือไทยแล้ว ให้แจ้งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในเรือดังกล่าว

ในกรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้นำมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือของเรือลำเก่าที่ขายไปไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ”

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่การยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๙๙) พ.ศ. ๒๕๓๙ สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศกรณีเงินได้ที่ได้จากการขายเรือเดินทะเลที่ใช้ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ได้กำหนดจำกัดไว้เฉพาะการนำเงินได้ดังกล่าวไปซื้อเรือลำใหม่โดยต้องมีการจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ขายเรือลำเก่าเท่านั้น สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การยกเว้นภาษีเงินได้ในกรณีดังกล่าว โดยกำหนดให้การจัดหาเรือลำใหม่ครอบคลุมถึงการต่อเรือทดแทนเรือลำเก่าที่ขายไปด้วย ตลอดจนแก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดหาเรือลำใหม่ก่อนการขายเรือลำเก่าและขยายระยะเวลาในการจัดหาเรือลำใหม่ อันจะเป็นการส่งเสริมและพัฒนากิจการพาณิชยนาวีของประเทศให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการขยายกองเรือพาณิชย์ไทยให้เพิ่มมากขึ้นจึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

(ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๙๒ ก วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ