เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินปันผล
จากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์
สำหรับการโอนทรัพย์สินของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ และมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔๔) พ.ศ. ๒๕๕๕ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่ผู้มีเงินได้ แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล สำหรับเงินปันผลที่ได้จากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่เจ้าของหรือผู้ทรงสิทธิในทรัพย์สินและกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับการโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการโครงสร้างพื้นฐาน ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
“กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน” หมายความว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
“กิจการโครงสร้างพื้นฐาน” หมายความว่า กิจการดังต่อไปนี้
(๑) ระบบขนส่งทางราง หรือทางท่อ
(๒) ไฟฟ้า
(๓) ประปา
(๔) ถนน ทางพิเศษ หรือทางสัมปทาน
(๕) ท่าอากาศยานหรือสนามบิน
(๖) ท่าเรือน้ำลึก
(๗) โทรคมนาคม
(๘) พลังงานทางเลือก
(๙) ระบบบริหารจัดการน้ำ หรือการชลประทาน
(๑๐) ระบบป้องกันภัยธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงระบบเตือนภัยและระบบจัดการเพื่อลดความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นด้วย
“เงินปันผล” หมายความว่า เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับจากกองทุนรวมที่จัดตั้งตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ข้อ ๒ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลซึ่งมิใช่นิติบุคคล สำหรับเงินปันผลที่ได้จากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานผู้จ่ายเงินปันผลต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามข้อ ๓
(๒) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต้องแจ้งต่อกรมสรรพากรว่าจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ใด เป็นจำนวนเท่าใด โดยระบุรายชื่อ เลขประจำตัวประชาชน (กรณีคนไทย) หรือใบสำคัญคนต่างด้าว จำนวนเงินปันผล และวันที่จ่ายเงินปันผล ด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่จ่ายเงินปันผล และ
(๓) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต้องแจ้งต่อผู้ถือหน่วยลงทุนว่าเงินปันผลดังกล่าวเป็นเงินปันผลที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้
ข้อ ๓ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่เจ้าของหรือผู้ทรงสิทธิในทรัพย์สินและกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับมูลค่าของฐานภาษี รายรับและการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการโครงสร้างพื้นฐาน ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้ยื่นคำขอจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ต้องแจ้งต่อกรมสรรพากรภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(๒) การโอนทรัพย์สินของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(๓) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต้องประกอบกิจการโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศไทยเท่านั้น
(๔) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต้องมีการขายหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนรายย่อย
(๕) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต้องแจ้งการได้มาซึ่งทรัพย์สินของกิจการโครงสร้างพื้นฐาน และข้อมูลต่อไปนี้ต่อกรมสรรพากรภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่โอนทรัพย์สินนั้น
(ก) รายชื่อผู้จำหน่าย จ่าย โอน ให้เช่า หรือให้ใช้สิทธิประโยชน์ในทรัพย์สินเพื่อการประกอบกิจการโครงสร้างพื้นฐานให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
(ข) เลขทะเบียนนิติบุคคลตาม (ก)
(ค) รายการทรัพย์สิน
(ง) ราคาทรัพย์สิน ณ วันที่ได้มา
(จ) วันที่ได้มาซึ่งทรัพย์สิน
(๖) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต้องแจ้งรายชื่อผู้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของกิจการโครงสร้างพื้นฐาน และข้อมูลต่อไปนี้ต่อกรมสรรพากรภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ผู้ใช้ประโยชน์มีสิทธิในการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินนั้น
(ก) รายชื่อผู้ใช้ประโยชน์
(ข) เลขประจำตัวประชาชน (กรณีคนไทย) หรือใบสำคัญคนต่างด้าว หรือเลขทะเบียนนิติบุคคลของผู้ใช้ประโยชน์
(ค) ค่าตอบแทนที่ผู้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของกิจการโครงสร้างพื้นฐานจ่ายให้หรือได้รับจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
(ง) วิธีการจ่ายเงิน เช่น งวดของการชำระเงิน
(จ) วันที่เริ่มต้น และวันที่สิ้นสุด การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของโครงการ
ทั้งนี้ ให้รวมถึงผู้ที่ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนด้วย และ
(๗) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต้องยื่นงบการเงินประจำปีต่อกรมสรรพากรภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันยื่นงบการเงินประจำปีต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร