ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่๕๖๑)
พ.ศ. ๒๕๕๖
ภูมิพลอดุลยเดชป.ร.
ให้ไว้ณวันที่ ๒๙ เมษายนพ.ศ. ๒๕๕๖
เป็นปีที่๖๘ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา๑๘๗ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่๑๐)พ.ศ. ๒๔๙๖ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา๒๙ประกอบกับมาตรา๓๓และมาตรา๔๑ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่๕๖๑) พ.ศ. ๒๕๕๖”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ๒แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาทและมีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการรวมกันไม่เกินสามสิบล้านบาทต่อปีในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะที่ได้จากการขายทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่๑มกราคมพ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคมพ.ศ. ๒๕๕๖ และได้ซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเก่าที่ขายไปภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้
(๑) กรณีซื้อเครื่องจักรใหม่ก่อนการขายเครื่องจักรเก่าต้องซื้อเครื่องจักรใหม่ภายในหนึ่งปีก่อนวันที่ขายเครื่องจักรเก่า
(๒) กรณีซื้อเครื่องจักรใหม่ภายหลังจากการขายเครื่องจักรเก่าต้องซื้อเครื่องจักรใหม่ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ขายเครื่องจักรเก่าเมื่อมีการขอยกเว้นภาษีเงินได้จากการขายทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าตามวรรคหนึ่งแล้วห้ามมิให้นำมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือของเครื่องจักรเก่าที่ได้ขายไปมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลการขายเครื่องจักรเก่าและการซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนตามวรรคหนึ่งต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
มาตรา ๔ เครื่องจักรเก่าที่ขายไปตามมาตรา๓ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(๑) เป็นเครื่องจักรที่ได้รับสิทธิประโยชน์เพื่อการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงาน
(๒) เป็นเครื่องจักรที่นำไปใช้ในกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
(๓) เป็นเครื่องจักรที่ใช้สิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา๔เอกาทศแห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่๑๔๕) พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่๕๓๗) พ.ศ. ๒๕๕๕
(๔) เป็นเครื่องจักรที่เกิดจากรายจ่ายซึ่งได้จ่ายไปเป็นค่าจ้างเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีให้แก่หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๙๗) พ.ศ. ๒๕๓๙
(๕) เป็นเครื่องจักรที่เกิดจากรายจ่ายตามมาตรา๖๕ตรี (๕) แห่งประมวลรัษฎากรและได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา๓แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
มาตรา ๕ เครื่องจักรใหม่ที่ซื้อเพื่อทดแทนเครื่องจักรเก่าที่ขายไปต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
(๑) เป็นเครื่องจักรที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน
(๒) เป็นเครื่องจักรประเภทเดียวกับเครื่องจักรเก่าที่ขายไปและมีประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเครื่องจักรเก่าที่ขายไป
มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้คือโดยที่การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกรณีการขายทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่๓๑ธันวาคมพ.ศ. ๒๕๕๕ แต่เนื่องจากรัฐบาลยังคงมีนโยบายในการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจัดหาเครื่องจักรใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศสมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วและมีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการขายทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนทั้งนี้เฉพาะการขายทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่๑มกราคมพ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
(ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๔๐ ก วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖)