เรื่อง การเสียภาษีเงินได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชา
__________________
ตามที่กรมสรรพากรได้แก้ไขปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามข้อ ๒ (๑) และ (๓๗) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๐๗ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๘๔) พ.ศ. ๒๕๓๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ และมาตรา ๕ นว แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘๙) พ.ศ. ๒๕๕๘ สำหรับเงินได้ เงินปันผล หรือเงินส่วนแบ่งของกาไรที่ได้รับจากกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชา ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไปนั้น
เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ระหว่างปีภาษีหรือระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ดังนั้น เพื่อให้เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป กรมสรรพากรขอชี้แจงเกี่ยวกับการคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้สำหรับกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาในสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ โรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชา หมายถึง โรงเรียนที่ได้รับอนุญาตและจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เสริมความรู้บางรายวิชาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข้อ ๒ กรณีการคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษีที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
๒.๑ ให้ผู้มีเงินได้จากการประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชา ซึ่งเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร นำเงินได้ดังกล่าวที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ และให้หักรายจ่ายได้ตามความจำเป็นและสมควร โดยให้นำรายจ่ายทั้งสิ้นที่เกี่ยวกับเงินได้ดังกล่าวไปหักจากเงินได้นั้น ทั้งนี้ ให้นำมาตรา ๖๕ ทวิ และมาตรา ๖๕ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร มาใช้บังคับโดยอนุโลม
๒.๒ ให้ผู้มีเงินได้ประเภทเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไร ที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชา ซึ่งเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร นำเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไร เฉพาะที่จ่ายจากกำไรจากการประกอบกิจการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้โดยไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ ในกรณีที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรนั้น จ่ายจากกำไรจากการประกอบกิจการในช่วงเวลาใด ให้เฉลี่ยตามสัดส่วนของกำไรของรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรนั้น
ข้อ ๓ กรณีการคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
๓.๑ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำรายได้จากการประกอบกิจการหรือเนื่องจากการประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ มารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และให้นำรายจ่ายทั้งสิ้นที่เกี่ยวกับรายได้ดังกล่าวมาหักจากรายได้นั้น ตามเงื่อนไขในมาตรา ๖๕ ทวิ และมาตรา ๖๕ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
๓.๒ ภายใต้บังคับมาตรา ๖๕ ทวิ (๑๐) แห่งประมวลรัษฎากร ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกาไร ที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชา เฉพาะที่จ่ายจากการประกอบกิจการที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ มาถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิ ในกรณีที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรนั้น จ่ายจากกำไรจากการประกอบกิจการในช่วงเวลาใด ให้เฉลี่ยตามสัดส่วนของกำไรของรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรนั้น
๓.๓ ให้มูลนิธิหรือสมาคมนำรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
จึงขอชี้แจงมาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน
กรมสรรพากร
๑๐ กันยายน ๒๕๕๘