เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนหรือขยายกำหนดเวลา
ตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ๒๕๕๘
_______________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรจะอนุญาตให้เลื่อนหรือประกาศขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีการรับมรดกหรือแจ้งรายการต่าง ๆ การอุทธรณ์ และการเสียภาษีการรับมรดกตามที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ถือว่าเหตุดังต่อไปนี้ เป็นเหตุที่อธิบดีกรมสรรพากรจะอนุญาตให้เลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีก็ได้ ตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ๒๕๕๘
(๑) เหตุจำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ ได้แก่ กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการใด ๆ ตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ๒๐ วันหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติ ไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน และแพทย์ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้แสดงความเห็นเป็นหนังสือว่ามีภาวะจำกัดหรือขาดความสามารถ ในการประกอบกิจวัตรหลักอันเป็นปกติเยี่ยงบุคคลทั่วไป อันเนื่องมาจากสาเหตุทางปัญหาสุขภาพหรือความเจ็บป่วยที่เป็นต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า ๒๐ วัน หรือทุพพลภาพมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒๐ วัน
(๒) เหตุที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับมรดกหรือผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการใด ๆ ตามพระราชบัญญัติ ภาษีการรับมรดก พ.ศ. ๒๕๕๘ มิได้อยู่ในประเทศไทย ได้แก่ กรณีที่บุคคลนั้นมีสถานที่อยู่ในประเทศไทย อันเป็นแหล่งสำคัญหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและได้ออกไปนอกประเทศไทยชั่วระยะเวลาอันมีจำกัดจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ข้อ ๒ ให้ถือว่าเหตุอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย ธรณีพิบัติภัย หรือภัยธรรมชาติอื่นใดที่เกิดขึ้น ในประเทศไทย เป็นเหตุจำเป็นเป็นการทั่วไปที่อธิบดีกรมสรรพากรจะประกาศขยายกำหนดเวลา ตามสมควรจนกว่าเหตุดังกล่าวจะสิ้นไป ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ๒๕๕๘
ข้อ ๓ กรณีการขออนุญาตเลื่อนกำหนดเวลาตามข้อ ๑ ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการใด ๆ ตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ๒๕๕๘ ยื่นคำร้องขออนุญาตเลื่อนกำหนดเวลาต่ออธิบดีกรมสรรพากรเป็นคราว ๆ ไป
ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง